ผ่าคดีฆ่าสาวเมืองคอน จับแม่-ต้องสงสัยฆ่าลูก เปิดพิรุธหลักฐานมัดตัว : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
“ฉันรู้ดีว่าใครเป็นคนฆ่าลูก แต่ไม่มีหลักฐานสาวถึง แต่บอกได้เลยว่าเป็นญาติสนิทที่มีความขัดแย้งกับครอบครัว ขอสาบานกับพ่อท่านไข่ ถ้าฉันทำขอให้ตายวันตายคืน” นางประทีปกล่าวสาบานทั้งน้ำตา
ที่มาที่ไปของคำสาบานดังกล่าวมาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เม.ย. เมื่อมีผู้พบศพ น.ส.ชลธิชา จินดาวงศ์ อายุ 29 ปี ถูกคนร้ายใช้ไขควงแทงเสียชีวิตในบ้านพักใน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้นนายอนันต์ จินดาวงศ์ และ นางประทีป จินดาวงศ์ พ่อกับแม่ของ น.ส.ชลธิชา แจ้งตำรวจว่าได้ออกไปกรีดยางพารา ส่วนน.ส.ชลธิชาอยู่บ้านตามลำพัง และถูกคนร้ายงัดประตูบ้านบุกเข้ามาฆ่าชิงทรัพย์
แต่เมื่อ พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพร
พฤศวานิช ผกก.สภ.บางขัน นำทีมสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดกลับพบข้อพิรุธหลายอย่างที่ไม่สอดคล้องกับความน่าจะเป็น ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราชสั่งการให้เร่งสืบสวนสอบสวน พร้อมลงตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่มาตลอดในระยะเกือบ 2 เดือน โดยมีชุดสืบสวน สภ.บางขัน ชุดสืบสวนจังหวัด และสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 รวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ จนได้หลักฐานน่าเชื่อได้ว่าคนร้ายคือ นางประทีป จินดาวงศ์ อายุ 54 ปี แม่ของ น.ส.ชลธิชา ที่เป็นคนลงมือฆ่าลูกสาวตัวเอง
พนักงานสอบสวน สภ.บางขัน นำหลักฐานไปเสนอต่อศาลจังหวัดทุ่งสง เพื่อขอออกหมายจับนางประทีป ศาลได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 143/2563 ลงวันที่ 29 พ.ค.2563 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ตำรวจเข้าจับกุมตัวนางประทีปที่บ้านที่เกิดเหตุ ก่อนนำไปสอบปากคำ เบื้องต้นนางประทีปให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นกับการตายของลูก ก่อนใช้หลักทรัพย์ 200,000 บาทประกันตัวออกไป
พ.ต.อ.สมพรเผยว่า ได้สืบสวนสอบสวนนางประทีปพบมีพิรุธหลายอย่าง ผิดกับวิสัยของแม่ที่สูญเสียลูกควรติดตามคดีอย่างต่อเนื่อง แต่เท่าที่ดูพฤติกรรมของครอบครัวนี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ลูกถูกฆ่าตาย ซึ่งแม้นางประทีปจะให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานต่างๆ ที่ชัดเจน มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินคดีได้แน่นอน
“ข้อพิรุธที่เก็บหลักฐานชิ้นสำคัญได้คือ ไขควงที่ใช้ก่อเหตุเป็นของในบ้าน และร่องรอยงัดแงะก็งัดมาจากภายใน ไม่ได้งัดด้านนอก แล้ววางแผนว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ส่วนจะมีบุคคลอื่นร่วมหรือไม่นั้นยังต้องสอบสวนด้วย และสาเหตุที่ญาติใกล้ชิดเห็นตรงกับพนักงานสอบสวน พบว่ามาจากความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สินภายในครอบครัว ขั้นตอนต่อไปจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย” พ.ต.อ.สมพรกล่าว
เย็นวันที่ 3 มิ.ย. นางประทีปซึ่งกำลังดูลูกสาวคนเล็กอายุ 18 ปีพิการทางสมอง นำรูปถ่ายของ น.ส.ชลธิชา ถือในมือพร้อมกับกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า “ขอให้ดลบันดาลให้ตำรวจได้รู้ตัวคนร้ายที่แท้จริงที่ฆ่าลูก ตอนนี้แม่ถูกปรักปรำใส่ร้าย แม่ไม่เคยคิดทำลูกที่เลี้ยงดูมา 29 ปี”
นางประทีปกล่าวว่า ต้องขอความเป็นธรรมให้ตนด้วยที่ถูกกล่าวหา คนที่โพสต์ลงในโซเชี่ยลควรมีหลักฐานก่อน ก่อนจะมาปรักปรำตนเอง และตนรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกแต่ไม่มีหลักฐาน ไม่ทิ้งร่องรอย ไม่มีลายนิ้วมือ แล้วโยนความผิดมาให้ตนเอง ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ถูกออกหมายจับ ตนจึงไปแสดงตัวถึงความบริสุทธิ์ก่อนใช้หลักทรัพย์ประกันตัวออกมา และขอปฏิเสธข้อกล่าวหา เพราะตนถูกปรักปรำ
“ฉันรู้ดีว่าใครเป็นคนฆ่าลูก แต่ไม่มีหลักฐานสาวถึง แต่บอกได้เลยว่าเป็นญาติสนิทที่มีความขัดแย้งกับครอบครัว ในเรื่องมรดกที่ดิน สวนปาล์มน้ำมัน 10 ไร่ ซึ่งขัดแย้งกันมานาน ถ้าฉันคิดฆ่าฆ่าลูกคนเล็กไม่ดีกว่าหรือ เพราะพิการทางสมองและเป็นภาระที่ต้องเลี้ยงดูมานาน ฉันป่วยหลายโรคไม่มีแรงที่จะไปก่อเหตุคิดฆ่าลูกตัวเองแน่นอน ขอสาบานกับพ่อท่านไข่ ถ้าฉันทำขอให้ตายวันตายคืน” นางประทีปกล่าวสาบานทั้งน้ำตา
ขณะที่พ.ต.อ.สมพรชี้แจงเพิ่มเติมว่า แม้นางประทีปจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ตำรวจมีหลักฐานที่ชัดเจนพอที่จะเอาผิดได้ ซึ่งการสืบสวนสอบสวนพบว่าสาเหตุมาจากทะเลาะกับลูกสาวเรื่องที่ดิน ซึ่งพ่อได้มอบให้ผู้ตาย โดยผู้เป็นแม่จะขายแต่ผู้ตายไม่ยอม และเงินที่บ้านหายไป 2,000 บาท ทำให้แม่ลูกคู่นี้ทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนมาเกิดเหตุน.ส.ชลธิชาถูกฆ่าตาย
แม้นางประทีปจะออกมาวิงวอนขอความเป็นธรรม และพยายามกล่าวหาญาติสนิทว่ามีส่วนพัวพันกับการตายของลูก แต่ตำรวจได้สอบสวนทั้งพยานแวดล้อมต่างๆ และรวบรวมหลักฐานจนนำไปสู่การออกหมายจับ ซึ่งตำรวจไม่ได้กลั่นแกล้งหรือปรักปรำนางประทีปแต่อย่างใด ได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งระหว่างผู้ตายกับแม่นั้นอยู่กันเพียง 2 คนที่บ้านเกิดเหตุ อาวุธไขควงที่ใช้ก่อเหตุก็เป็นของในบ้าน
ที่สำคัญบ้านที่เกิดเหตุนั้นยกสูง หน้าต่างที่มีรอยงัดแงะก็งัดมาจากในบ้าน ข้าวของที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่างก็ไม่ได้ล้มเสียหายแต่อย่างใด หากคนร้ายเข้ามาจากด้านนอกก็น่าจะทำให้สิ่งของล้มหรือพังกระจัดกระจายได้ และหน้าต่างที่มีรอยงัดแงะก็มีความสูงจากพื้นเกือบ 3 เมตร ถ้าคนร้ายมาจากด้านนอกเป็นไปไม่ได้ว่าจะปีนขึ้นไปได้
คดีนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางของชาวบ้าน โดยขณะที่จัดงานศพของน.ส.ชลธิชา แม่ผู้เสียชีวิตนำน้ำมะนาวบีบใส่ศพ โดยระบุว่า “คุณตาได้สั่งไว้ว่าหากเกิดกรณีเช่นนี้ให้บีบน้ำมะนาวใส่ศพ เพื่อให้วิญญาณได้ไปผุดไปเกิด” แต่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการสะกดวิญญาณ ในขณะที่ผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้โศกเศร้าเหมือนคนทั่วไปที่ลูกเสียชีวิต ส่วนเครือญาติพี่น้องก็ไม่ถูกกัน และมีการโยนความผิดใส่กันระหว่างแม่ผู้ตายกับญาติพี่น้อง
ในขั้นตอนของกฎหมายนางประทีปยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะถึงวันที่ศาลพิพากษา
สุรเชษฐ์ แรกรุ่น
เรื่อง/ภาพ