คอลัมน์ สดจากสนามข่าว : จับตาคดีอลวนตร.พัทลุง แม่ค้าร้องโดนจับ-รีดเงิน ส่อพลิกหลัง3ตร.ถูกย้าย
จับตาคดีอลวนตร.พัทลุง – กลายเป็นประเด็นร้อนให้ต้องจับจ้องกันชนิดห้ามกะพริบตา กับคดีแม่ค้าอาหารทะเลออกมาร้องเรียนสื่อว่าเธอถูกตำรวจโรงพักเมืองพัทลุงจับกุมฐานฝ่าเคอร์ฟิว ก่อนถูกรีดทั้งเงินและอาหารทะเล แต่ที่เจ็บใจสุดๆคือตำรวจชุดดังกล่าวที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่ สั่งให้เธอแกะหอยนางรมให้เป็นกับแกล้มด้วย
หลังเรื่องราวเป็นข่าวออกไป มีตำรวจ 3 นายถูกสั่งย้ายและมีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว แต่เพียงไม่กี่วันไม่มีใครพบเห็นตัวแม่ค้าผู้ร้องเรียนและครอบครัว ก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่มาในวันที่ 8 มิ.ย. พร้อมคำให้การที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
สลิปโอนเงิน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. น.ส.สา (นามสมมติ) แม่ค้าขายอาหารทะเลสด ร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ ว่าน.ส.สาถูกจับกุมหลังจากกลับมาจากรับหอย ปูและปลาทู จากในพื้นที่ จ.ตรัง และเดินทางกลับบ้านที่ จ.พัทลุง ในช่วงเคอร์ฟิวโดยเหตุเกิดพื้นที่ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา
แม่ค้าคนดังกล่าวเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้กลับมาจากรับซื้อกุ้ง ปู และหอย มาจาก จ.ตรัง มุ่งหน้าเข้าบ้านในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นและจับกุมนำตัวส่ง สภ.เมืองพัทลุง พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือไป
เหยื่อให้ข้อมูล
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม มีระดับสารวัตร นายดาบ พร้อมตำรวจฝึกงาน เมื่อมาถึงที่โรงพักก็ได้ขอคุย โดยบอกว่าเจอหลายกระทง แต่ขอให้ไปเคลียร์กับสารวัตร พร้อมทั้งเรียกเงิน 80,000 บาท ตนไม่มีขอลดให้เหลือ 40,000 บาท ตนก็บอกว่าไม่รู้จะเอาเงินจากไหน
สุดท้ายต่อรองกันโดยตร.ขอ 10,000 บาท แต่ตนไม่มีเงินสด เลยขอยืมจากญาติของสามีมาได้ 5,700 บาท โอนทางโทรศัพท์ ผ่านบัญชีดาบตำรวจชุดจับกุมไป
แต่เงินไม่ครบจำนวน 10,000 บาท ทางชุดจับกุมได้ต่อรองเอาปู หอย กุ้ง ที่อยู่ในรถ คิดเป็นเงิน 4,300 บาทจนครบ พร้อมบอกอย่าได้เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แต่ที่โกรธสุดๆ ก็ตรงที่ตำรวจชุดนี้ กำลังนั่งกินเหล้ากันอยู่ ดันให้ตนนั่งแกะหอยนางรมให้พวกเขากินจนหลังเที่ยงคืนกว่าจะได้กลับบ้าน
พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง
ภายหลังเป็นข่าว พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง สั่งให้ทาง ผกก.สภ.เมืองพัทลุง ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ ยศ พ.ต.ท.หัวหน้าชุด รวมทั้งดาบตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ที่ชื่อปรากฏอยู่บนสลิปโอนเงิน รวม 3 นายพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวน โดยให้มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง ไม่ให้พบปะกับประชาชน พร้อมรายงานข้อเท็จจริงให้ทราบภายใน 3 วันรายงานเข้ามาโดยเร็ว พร้อมระบุว่าหากเป็นไปตามพยานหลักฐานจริงตามที่เป็นข่าว ก็จะดำเนินคดีตามระเบียบและกฎหมาย จะไม่เว้นอย่างแน่นอน
ขณะที่ฝ่ายผู้เสียหายหลังร้องขอความเป็นธรรมยังคงหวาดกลัวภัยมืด ต้องปิดบ้านหนี และไม่รับโทรศัพท์ หวั่นจะได้รับอันตราย โดยเฉพาะเมื่อคดีดังอยู่ในความสนใจของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงเป็นอย่างมาก
น.ส.สา(นามสมมติ)โผล่ให้ข้อมูล
มีคนออกมาร่วมผสมโรงยำเละ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างหนัก มีการจับกุมแล้วเรียกไถเงินเป็นว่าเล่น ตั้งแต่ หลักพันถึงหลักแสน รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาเอาผิดให้ถึงที่สุด
แล้วเรื่องราวพลิกผันเมื่อ วันที่ 8 มิ.ย. ที่สภ.เมืองพัทลุง พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้เข้ามาสอบปากคำ น.ส.สา (นามสมมติ) แม่ค้าหอย ที่ออกมาระบุว่าถูกตำรวจจับเรียกรับเงินด้วยตัวเอง
แต่ครั้งนี้เรื่องราวจากปากของเธอกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน โดยน.ส.สา ยืนยันกับ พล.ต.ต.กฤษฎา ว่าในคืนวันเกิดเหตุมีการตั้งจุดตรวจและตนถูกจับมาที่โรงพักจริง แต่ตำรวจแค่ขอดูเอกสารการขนส่งแค่นั้นไม่ได้เรียกรับเงิน ส่วนเงินจำนวน 5,700 บาทที่โอนให้กับดาบตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง
1 ใน 3 ตำรวจที่โดนย้ายในครั้งนี้นั้นเป็นเงินค่าหนี้สินที่ยืมจากนายดาบ เพื่อนำไปเสียค่าปรับต่อศาลจังหวัดพัทลุง ช่วงที่ตนกับนายดาบเป็นแฟนกันสมัยที่ตนยังไม่แต่งงานกับสามีคนปัจจุบัน ส่วนที่ต้องกุเรื่องถูกจับขึ้นมาเพราะสามีขอยืมเงิน 1 หมื่นไปผ่อนรถ แต่ตนไม่มีให้และไม่อยากให้รู้ว่าเคยคบกับด.ต.ดังกล่าวจึงกุเรื่องขึ้น แต่พอเล่าเรื่องให้สามีฟังเจ้าตัวโกรธมากเลยร้องเรียนกับนักข่าว
ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวว่า เรื่องนี้ ผบช.ภ.9 และ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตนเร่งคลี่คลายในคดีดังกล่าวด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อให้เป็นธรรมกันทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากที่ น.ส.สา ได้ออกมาปฏิเสธว่ามิได้ถูกเรียกเงิน หรือถูกจับกุมมารีดเงินและปล่อยตัวไปในเวลาต่อมานั้น
จากนี้ตนก็จะตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกกับผู้เกี่ยวข้องทุกราย พร้อมทั้งจะสอบปากคำ ตร.ผู้เกี่ยวข้องในคดีอื้อฉาวทั้ง 4 รายด้วยตนเองอีกด้วย เรื่องอื้อฉาวนี้จะได้ข้อยุติที่แน่นอนในเร็วๆ นี้ ขอยืนยันอีกว่าจะไม่เข้าข้างผู้กระทำความผิดคนใดคนหนึ่งโดยเด็ดขาด
จะออกหัวออกก้อยต้องรอดูผลสอบ แต่ที่แน่ๆ ความจริงเรื่องนี้ต้องถูกทำให้กระจ่าง ทั้งฝ่ายตำรวจ แม่ค้าหอยและผู้ที่ออกมาแฉ หากผิดก็ว่าไปตามระเบียบแต่หากไม่ผิดก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้ 3 ตร.ที่ถูกร้องเรียนจนถูกย้ายด้วย
เรื่อง/ภาพ โดย ไสว รุยันต์
