คอลัมน์ สดจากสนามข่าว : ย้อนคดีจับแฮ็กเกอร์ป.6 สร้างลิงก์ล้วงข้อมูลไลน์ หลอกโอนเงินสูญ4แสน

ย้อนคดีจับแฮ็กเกอร์ป.6 สร้างลิงก์ล้วงข้อมูลไลน์ : ปัจจุบันการสร้างลิงก์หลอกลวงเอาข้อมูลทางไลน์ ทางเฟซบุ๊กให้กับผู้เสียหายที่หลงเชื่อหลอกโอนเงินยังมีอยู่จำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึง จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ ระดมมือปราบฝีมือดีจัดตั้งทีมสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย

ย้อนคดีจับแฮ็กเกอร์ป.6 สร้างลิงก์ล้วงข้อมูลไลน์

บุกจับคาบ้าน

กระทั่งเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พล.ต.ต. พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส. ในฐานะหัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวนความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1 บก.ปอท., พ.ต.ท.รัฐพงศ์ แก้วยอด รอง ผกก.1 บก.ปอท. พ.ต.ท.ภานุภัทร กิตติพันธ์ รอง ผกก.1 บก.ปอท., พ.ต.ต.ฉัตรชัย เหมวิลัย สว.กก.1 บก.ปอท., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.

ได้ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามแฮ็กเกอร์จบ ป.6 หลอกเจ้าของร้านอาหารดัง ช่วยกดโหวตให้หลานที่เข้าประกวดร้องเพลง ล้วงรหัสโซเชี่ยลมีเดีย ใช้หลอกยืมเงินคนรู้จัก สูญไปกว่า 400,000 บาท

ย้อนคดีจับแฮ็กเกอร์ป.6 สร้างลิงก์ล้วงข้อมูลไลน์

แผนผังก่อเหตุ

โดยจับกุมนายสมพร สิงห์ม่วง อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.259/2563 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ในข้อหาข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, เข้าถึงโดย มิชอบ ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน,

ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท

ย้อนคดีจับแฮ็กเกอร์ป.6 สร้างลิงก์ล้วงข้อมูลไลน์

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส.แถลง

พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ยี่ห้อกล็อกรุ่น 19 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวน 10 นัด โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่าเลขที่ 17/5 หมู่บ้านทรัพย์ศิริ หมู่ 8 ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

พล.ต.ต.พันธนะเปิดเผยว่า ช่วงที่มีวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 มีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก สำหรับคดีนี้ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายว่าถูกคนร้ายแฮ็กไลน์โดยหลอกให้กดลิงก์โหวตหลานอ้างว่าประกวดร้องเพลง หลอกให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวและรหัสไลน์ของตัวเอง จากนั้นคนร้ายได้ใช้ไลน์ของผู้เสียหายไปหลอกลวงให้บุคคลอื่นโอนเงินให้กับคนร้ายทำให้มีผู้ได้รับความเสียหายหลายราย

จากการสืบสวนทางเทคนิคสามารถพิสูจน์ทราบว่าคนร้ายคือนายสมพร จึงขออนุมัติหมายจับก่อนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ย้อนคดีจับแฮ็กเกอร์ป.6 สร้างลิงก์ล้วงข้อมูลไลน์

ของกลาง

นายสมพรให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่านำเงินที่หลอกลวงได้มาใช้จ่ายและเล่นการพนัน โดยทำเพียงคนเดียว ใช้บัญชีของเครือญาติ 4-5 บัญชี เพื่อรับโอนเงิน นอกจากนี้ยังพบว่าเจ้าตัวจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น แต่มีความรักชอบศึกษาเรื่องไอที จึงมีความรู้ด้านนี้เป็นพิเศษ เคยมีอาชีพเป็นผู้ค้าตามตลาดนัด แต่ปัจจุบันไม่มีอาชีพชัดเจน

อย่างไรก็ตามนายสมพรเคยถูกจับกุมในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ก่อนจะประกันตัวออกมาแต่ก็ยังกลับมาก่อเหตุดังกล่าวอีก

ขณะที่น.ส.สุชีรา ท้าวคำหลง เจ้าของร้าน Zurich Breas Caft ที่มีอยู่ในเมืองไทยกว่า 23 สาขา (ผู้เสียหาย) เปิดเผยว่า อยากจะเตือนภัยเพราะปัจจุบันคนไทยใช้แอพพลิเคชั่นไลน์กันเยอะมาก

น.ส.สุชีราเล่าเหตุการณ์ก่อนถูกหลอกลวงว่า มีไลน์ส่งเข้ามาจากแม่เพื่อนให้ช่วยกดโหวตให้หลานที่เข้าประกวดร้องเพลง โดยข้อความดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ จากนั้นให้เรากดโหวตผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ซึ่งจะต้องกรอกชื่อผู้ใช้-และรหัสผ่านเฟซบุ๊ก แต่ตนใช้รหัสผ่าน เฟซบุ๊กกับไลน์คนละรหัสกัน

จากนั้นผ่านไปไม่นานไม่กี่ชั่วโมง เพื่อนๆ ก็ทักมาบอกว่า ตนส่งบาร์โค้ดให้ช่วยสแกนจ่ายเงินให้ โดยคนที่ปลอมเป็นตนอ้างว่าบัตรเต็มให้ช่วยโอนเงินให้ โดยให้สแกนเข้าร้านค้า เพื่อนๆ มีการโอนเงินไป 4 ครั้ง สูญเงินกว่า 4 แสนบาท จึงอยากฝากเตือนว่าหากมีการให้กดลิงก์โหวตให้ คิดให้ดีก่อนที่จะกดเข้าลิงก์ไป

ย้อนคดีจับแฮ็กเกอร์ป.6 สร้างลิงก์ล้วงข้อมูลไลน์

ผู้เสียหายเล่าเหตุการณ์

พล.ต.ต.พันธนะกล่าวเสริมว่า ฝากถึงประชาชนทั่วไปที่ใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าไลน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไม่ควรกดเข้าไปดูลิงก์ที่มีลักษณะผิดปกติหรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในการขโมยข้อมูลส่วนตัวของตน และไม่ควรให้รายละเอียดข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญในลิงก์ที่มีลักษณะผิดปกติ หรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าข้อมูลเกี่ยวบัญชีธนาคาร รหัสบัตรเอทีเอ็ม รหัสอีเมล์แอดเดรส เพราะมิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลของท่านในการกระทำความผิด

อย่างไรก็ตามควรตั้งค่าความปลอดภัยการเข้ารหัสสองชั้นในแอพพลิเคชั่นสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่สำคัญไม่ควรโอนเงินให้บุคคลอื่นไปยังบัญชีธนาคารที่ตนไม่รู้จักหรือใช้ชื่อบัญชีธนาคารของคนอื่น ทั้งนี้ก่อนโอนเงินควรโทร.สอบถามไปยังเพื่อนทางหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการติดต่อได้จริงๆ

ฝากถึงนักเรียนนักศึกษา ประชาชนที่มีความสนใจมีความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี อย่านำความรู้ความสามารถไปใช้ในทางที่ผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่ถูกหลอกลวงให้โอนเงินโดยมีพฤติการณ์การ กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

อดิศร จิตตเสวี
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน