เรียกเสียงฮือฮาในระดับ “สั่นสะเทือน” เมื่อบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. ตัดสินใจออกทีโออาร์ประมูลร้านค้าปลอดอากร หรือ ดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, เชียงใหม่, ภูเก็ต และหาดใหญ่ ให้เป็นแบบประมูลแบบสัญญาเดียวทั้ง 4 ท่าอากาศยาน และประมูลสิทธิบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้องจากหลายฝ่ายก่อนหน้านี้ ที่ผลักดันให้ใช้โมเดล การแบ่งเป็นตามกลุ่มสินค้า หรือ by category
เรื่องนี้ คงต้องไปฟังคำอธิบายถึงที่มาที่ไปจาก นายนิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ที่ได้ ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (www.prachachat.net) เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา
เริ่มจากสาเหตุที่ทอท.เลือกโมเดลแบบรายเดียวหรือ Master Concession “ ทางบอร์ดเห็นด้วยว่าประเทศเราไม่ควรมีดิวตี้ฟรีรายเดียวผูกขาด…. ถ้าเช่นนั้นในส่วนของ pick up counter (เคาน์เตอร์บริการส่งมอบสินค้า)ต้องเปิดกว้าง หมายความว่าตอนนี้ใครอยากทำดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรีทำไปเลย ลงทุนได้เลย เพราะเราสัญญาไว้แล้วว่าจะเปิดกว้าง ……เสร็จการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์และดิวตี้ฟรีเราจะเริ่มประมูล pick up ต่อเลย ซึ่งควรจะให้เสร็จภายในปีนี้” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าว
ส่วนข้อเรียกร้องผลักดันให้ใช้โมเดล การแบ่งเป็นตามกลุ่มสินค้านั้น ได้รับคำอธิบายว่า “พื้นที่ภายในสนามบินนั้นมีปัญหาเรื่องการจัดสถานที่ เพราะพื้นที่ข้างในแอร์ไซต์ไม่เหมือนห้างสรรพสินค้าที่ประตูอยู่ตรงไหนแล้วอยู่ตรงนั้นตลอดไป แต่ของ ทอท. …. การไหลเวียน (flow) ของผู้โดยสารของสนามบินนั้นคาดเดายากว่าจะเปลี่ยนไปทางไหน การไหลเวียน ของผู้โดยสารจะเปลี่ยนไปอย่างไรในอนาคต …… สมมุติว่าถ้ามีเครื่องบินรุ่นที่ลงได้ทั้งปีกซ้ายและปีกขวาแต่คน ทอท. ให้ไปลงทางขวา ก็จะมีการร้องเรียนว่าคน ทอท. เอื้อประโยชน์กับคนที่ได้พื้นที่ทางขวา แบบนี้ก็ตายครับ…..บอร์ดทอท.ก็เลยบอกว่าถ้าเช่นนั้นขอพบกันครึ่งทางก็แล้วกัน …..เลยเลือกเปิดกว้างด้าน pick up counter แล้วเราก็มาบริหารด้วยเหตุผลที่กล่าวมา สุดท้ายต้องเป็นรายเดียว
เช่นเดียวกับเรื่องการผูก 4 ท่าอากาศยานรวมกันเป็น 1 สัญญานั้นเป็นเพราะว่า “บางท่าอากาศยานแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำดิวตี้ฟรี โดยใน 4 ท่าอากาศยานนี้มีสุวรรณภูมิใหญ่สุดด้วยส่วนแบ่งประมาณ 82% ของยอดขายทั้งหมด ท่าอากาศยานที่เล็กสุดคือ หาดใหญ่ มีสัดส่วนอยู่ที่ .04%…..ส่วนท่าอากาศยานภูเก็ต และเชียงใหม่ 2 แห่งผมรวมกันที่ 18%
ถ้าเป็นเช่นนี้ ถามว่าหากแยกสัญญา ท่าอากาศยานในภูมิภาคเหล่านี้มีโอกาสที่จะมีสินค้าแบรนด์เนมขายไหม เราก็ประเมินว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ท่าอากาศยานในภูมิภาคทั้ง 3 แห่งของไทยมีแบรนด์เนมขายเหมือนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะเวลาผู้ประกอบการสั่งเขาต้องสั่งมาเป็นล็อตที่สุวรรณภูมิอยู่แล้ว เขาสามารถกระจายไปที่เชียงใหม่ หรือภูเก็ต และหาดใหญ่ได้”
“อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าสิ่งที่ ทอท. กังวล (concern) คือ เราก็อยากให้มีดิวตี้ฟรีหลายๆ ราย ไม่อยากให้มีรายเดียวเลย ซึ่งก็ขอย้ำว่า ตอนนี้ทุกคนลงทุนดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรีได้อย่างเสรีแล้ว” นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กล่าว