บิ๊กป้อม สั่งก.ทรัพยฯ ลุยขจัดมลพิษ ดูแลคุณภาพอากาศ ลดขยะพลาสติก

บิ๊กป้อม / เมื่อวันที่ 19 ก.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) และคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาวาระที่ฝ่ายเลขานุการฯ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ) นำเสนอในที่ประชุม ครั้งที่ 6-2562 โดยมีมติในเรื่องที่สำคัญ ดังนี้

มติที่ประชุมรับทราบ รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 62 สรุป พบสถานการณ์ดีขึ้นเกี่ยวกับ การเพิ่มขึ้นของพื้นที่เกษตรอินทรีย์ ป่าไม้และป่าชายเลน ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล และพื้นที่สีเขียวต่อคนในกทม.

ต่อจากนั้น ได้ร่วมกันพิจารณาเรื่องสำคัญ ประกอบด้วย แผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดปี 64 ที่เพิ่มอำนาจและงบประมาณให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น ในการก่อสร้างและบริหารจัดการของเสียในพื้นที่ ทั้งขยะและน้ำเสีย รวมทั้งแผนขับเคลื่อนวาระแห่งชาติในการแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ที่ให้ปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงให้เทียบเท่า ยูโร 5 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.67

และมาตรการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสาธารณะ ที่ต้องนำแผนที่ระดับเสียง ไปวางแผนใช้ประโยชน์ที่ดินโดยรอบสนามบิน ทั้งการพัฒนาเครื่องมือและการจัดการมลพิษทางเสียงจากอากาศยาน โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมและเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนทราบ พร้อมทั้งขอให้ทบทวนโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านหนองตาดั้ง จว.ราชบุรี เพื่อให้ครอบคลุมผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ทุกด้าน

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงความพยายามยกระดับแก้ปัญหาขยะพลาสติกในทะเลของไทยและการมีบทบาทนำในระดับภูมิภาคและเวทีโลก รวมทั้งการพัฒนาระบบ Smart EIA ที่จัดทำเป็น Application เชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลหน่วยงานต่างๆ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการป้องกันและแก้ไขในโครงการต่างๆ

พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำ ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหลักในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว และนำมติที่ประชุมเสนอ ครม. โดยให้ประสานทุกส่วนราชการ ร่วมให้ความสำคัญในการสนับสนุนขับเคลื่อนแก้ปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ควบคู่กับการพัฒนาประเทศ โดยขอให้พิจารณากระจายอำนาจและองค์ความรู้ให้ท้องถิ่น ร่วมบริหารจัดการระดับในพื้นที่ให้มากขึ้น ควบคู่กับการสร้างการตระหนักรู้และสำนึกการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดการกับปัญหาขยะและการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยังเป็นปัญหาสำคัญของมลพิษทางอากาศในภาพรวม

นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติรับทราบกลไกการขับเคลื่อนการงดใช้ถุงพลาสติก สืบเนื่องจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดประชุมเกี่ยวกับกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ซึ่งมีตัวแทนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ภาครัฐ เอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ได้กำหนดมาตรการงดให้ถุงพลาสติกนำร่องในห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ 43 แห่ง โดยจะนำร่อง งดให้ถุงพลาสติกสำหรับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 เป็นต้นไป

และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อกำหนดแนวทาง วิธีการปฏิบัติที่ชัดเจน สำหรับมาตรการงดให้ถุงพลาสติก พร้อมทั้ง สร้างการรับรู้ ความเข้าใจกับผู้บริโภค และผู้ประกอบการ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้มีมติรับทราบผลการประชุมเกี่ยวกับกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2562 และเห็นชอบกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก และให้นำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาต่อไป

ในส่วนการดำเนินการของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้มีการจัดประชุมเกี่ยวกับกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก “Everyday Say No to Plastic Bags” มี รมว.ทส. เป็นประธาน มีตัวแทนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ภาครัฐ เอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 250 คน ได้กำหนดมาตรการงดให้ถุงพลาสติกนำร่องในห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ 43 แห่ง ตั้งแต่ 1 ม.ค.2563 เป็นต้นไป

กลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ผ่านมาได้แก่ 1.จัดประชุมหารือร่วมกับภาคีเครือข่าย 43 แห่ง เพื่อกำหนดแนวทาง วิธีการปฏิบัติที่ชัดเจน สำหรับมาตรการงดให้ถุงพลาสติก 2.สร้างการรับรู้ ความเข้าใจกับผู้บริโภค และผู้ประกอบการ อย่างต่อเนื่อง 3.จัด Road-show 4 ภูมิภาค เพื่อนำข้อมูลประกอบการยกร่าง พ.ร.บ.การจัดการขยะพลาสติก 4.ศึกษาความเป็นไปได้สำหรับกระบวนการ Pyrolysis ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมฯ 5.เร่งจัดทำกฎหมาย โดยทบทวน ปรับปรุง (ร่าง) พ.ร.บ.ส่งเสริมการลดและนำของเสียมาใช้ประโยชน์ พ.ศ. ….

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน