อดีต ประธานสหภาพ ติงแถลง สร.กทพ.ข่มขู่-ลิดรอนสิทธิพนักงาน

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) ออกแถลงการณ์ ระบุว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 3,089 คน โดยในคราวประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2562 ที่ประชุมมีมติให้คัดค้านการต่อระยะเวลาของสัญญาสัมปทนเพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทและคดีที่ได้มิได้มีกฎหมายใดรองรับอย่างถึงที่สุด

ในการนี้ สร.กทพ. ขอแจ้งให้ทราบว่า สร.กทพ.ยังคงคัดค้านการต่อระยะเวลาของสัญญาสัมปทาน เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาท และคดีที่ยังมิได้มีกฎหมายใดรองรับอย่างถึงที่สุด ซึ่งสร.กทพ. มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หากมีการกล่าวอ้างหรือดำเนินการใดๆ โดยสร.กทพ.ที่การดำเนินการนั้นขัดซึ่งเจตนารมณ์ดังกล่าว หรือการดำเนินการนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อมติที่ประชุมใหญ่ สร.กทพ.ขอสงวนสิทธิดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายกับบุคคลหรือกลุ่มคนนั้นๆอย่างถึงที่สุด

รายงานข่าวจาก กทพ. แจ้งว่า สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่บอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มีมติให้เสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบการขยายสัมปทานทางด่วนให้กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เป็นเวลา 15 ปี 8 เดือน แลกกับการยุติข้อพิพาททางด่วน 17 คดี รวมวงเงินข้อพิพาท 58,873 ล้านบาท โดยมีพนักงานการทางพิเศษบางส่วนต้องการเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคมยุติปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายให้องค์กร และกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของพนักงาน

ด้านนายชาญชัย โพธิ์ทองคำ อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า น่าผิดหวังกับแถลงการณ์ของ สร.กทพ. ฉบับนี้ เพราะแสดงให้เห็นถึงความพยายามปิดกั้นความเห็นของพนักงานที่เห็นแตกต่าง เป็นการผลักไสคนที่เห็นต่างออกไป ทั้งที่ทุกคนเองก็เป็นพนักงานของกทพ. และเป็นสมาชิกสร.กทพ.ด้วยกันทั้งนั้น ทั้งนี้ขอให้พิจารณารายละเอียดว่าการเคลื่อนไหวของพนักงานกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้ต่อต้านมติของสร.กทพ. ที่ว่าจะคัดค้านการต่อสัมปทานให้ถึงที่สุด เพียงแต่ต้องการให้กระทรวงคมนาคม ลงมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้จบโดยเร็ว เพื่อจะไม่ได้ไม่ส่งผลเสียหายต่อองค์กร

นายชาญชัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งประธาน สร.กทพ. ก็ยึดแนวทางการเปิดกว้างทางความคิด รับฟังผู้ที่เห็นต่าง แต่ต้องเคารพมติเสียงข้างมาก จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่แถลงการณ์ดังกล่าวออกมาในลักษณะข่มขู่ คุกคาม นอกจากนี้ ยังได้ทราบข้อมูลว่ามีความพยายามกดดันผู้บังคับบัญชาของพนักงาน ให้ร่วมลงชื่อขับไล่บอร์ดกทพ. ที่มีมติต่อสัญญาสัมปทาน หากใครไม่ลงชื่อ ก็จะมีมาตรการกดดัน ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ไม่เหมาะสม

“ต้องขอความเป็นธรรมให้พนักงานชั้นผู้น้อย ที่เป็นห่วงใยองค์กรและสวัสดิการของพนักงานด้วยกันเอง ที่พยายามเคลื่อนไหวอยากให้ปัญหาทั้งหมดยุติ ส่วนเรื่องจะขยายสัญญาสัมปทานหรือไม่เป็นเรื่องของบอร์ด พนักงานไม่ได้ขัดแย้งกับสร.กทพ. และต้องเข้าใจด้วยว่าไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของกทพ. หรือ สร.กทพ. ทุกคนเป็นสมาชิก มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลได้จึงขอให้ยุติการคุกคามกดดัน เหล่านี้” นายชาญชัย กล่าว

แหล่งข่าวจากกทพ. เผยว่า ที่ผ่านมาสหภาพ กทพ. ไม่มีประธาน เพราะนายชาญฃัยลาออก ไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดของกลุ่มผู้บริหารบางคนที่กุมอำนาจสหภาพฯ ซึ่งมีเป้าหมายจะยึดสัมปทานมาให้กทพ.ดำเนินการเองเพื่อผลประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้าง และกลัวว่าถ้ารัฐบาลเจรจาจบ จะมีการสอบทางละเมิดหาผู้ผิด ซึ่งจะติดร่างแหไปด้วย จึงต้องการให้กทพ.สู้คดีต่อไป คนกลุ่มนี้จึงตั้งรักษาการมาเพื่อคัดค้านเรื่องเจรจาต่อ ซึ่งพนักงานระดับปฎิบัติการก็ไม่เอาด้วย แต่ไม่มีสิทธิมีเสียง เพราะกลัวคนกลุ่มดังกล่าวกลั่นแกล้งทั้งเรื่อง เงินเดือน สวัสดิการ การแต่งตั้ง ล่าสุดกดดันถึงขั้นให้ระดับฝ่ายไปเกณฑ์คนมาลงชื่อคัดค้าน ถ้าไม่ทำจะเดือดร้อนจนพนักงานจำนวนหนึ่งทยอยลาออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน