เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ของจีนรายงานเรื่องราวของนางหลี่ ชวน เศรษฐีนีวัย 43 ปี ผู้อุทิศเวลา 20 ปี รับอุปการะเลี้ยงดูเด็กที่ถูกทอดทิ้ง 118 คน ในหมู่บ้านชางชวน ใกล้เมืองอู่อัน มณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน ตอนนี้ประสบปัญหาเรื่องเงินทองและสุขภาพ หลังได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเมื่อ 6 ปีก่อน และกังวลว่า ใครจะดูแลเด็กเหล่านี้ต่อไปหากเธอไม่สามารถทำได้แล้ว

นางหลี่เป็นนักธุรกิจหญิงที่สร้างมาด้วยตัวเอง ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ทำธุรกิจทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้าถึงดีวีดีเถื่อน สำหรับชีวิตสมรส เธอแต่งงานเมื่ออายุ 17 ปี และมีลูกชาย 1 คน เมื่ออายุ 20 ปี นางหลี่ก็มีชื่อเสียงในด้านความสำเร็จและความมั่งคั่งทางธุรกิจในพื้นที่

แต่ชีวิตทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อนางหลี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุรถชน หลังออกจากโรงพยาบาล สามีของเธอใช้เงินหมดไปกับการเสพยาเสพติด นางหลี่จึงตัดสินใจหย่าร้าง แต่สามีจะขายลูกชายตัวเองให้พวกขบวนการค้ามนุษย์ นางหลี่จึงยอมจ่ายเงิน 8 พันหยวน หรือเกือบ 4 หมื่นบาท เพื่อซื้อลูกคืนมาจากสามี

นางหลี่สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ จากนั้น นางหลี่ไปลงทุนธุรกิจเหมืองแร่ใหม่ในพื้นที่และชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการรับเลี้ยงเด็กถูกทอดทิ้งเริ่มทำเมื่ออายุ 27 ปี นางหลี่เห็นเด็กหญิงคนเนื้อตัวสกปรกมอมแมมนั่งขออาหารอยู่ริมถนน ขณะเดินทางไปเหมืองแร่แห่งใหม่เธอ จึงตัดสินใจอุ้มเด็กลับมาดูแลทันที นับตั้งแต่นั้น นางหลี่ก็รับเด็กถูกทอดทิ้งมาอยู่เรื่อยๆ เพราะไม่ต้องการทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลัง และทำให้พื้นที่ของตัวเองเธอเป็น “หมู่บ้านแห่งความเมตตา”

อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยภาระการเลี้ยงดูเด็กจำนวนมาก นางหลี่จำต้องปิดเหมืองแร่ลงในปี 2551 และในปี 2553 นางหลี่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและจำเป็นต้องขายคฤหาสน์ทิ้งเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย แต่เด็กหลายคนต้องกินต้องใช้ นางหลี่จึงดิ้นรนทำงานเพื่อให้มีรายได้พอประทังชีวิต

แม้ว่าสุขภาพจะย่ำแย่เธอยังเลี้ยงเด็กๆ ด้วยรอยยิ้ม ทุกเช้า เธอจะส่งเด็กไปขึ้นรถบัส 3 คัน เพื่อไปโรงเรียน 7 แห่ง และคอยหุงหาอาหาร ทำความสะอาด ดูแลเด็กๆ ด้วย นอกจากนี้ นางหลี่ดูแลเด็กพิการและมีปัญหาสุขภาพ ซึ่งน่าวิตกกังวลมากที่สุด และกลัวอนาคตที่จะเกิดขึ้น หากเธอไม่สามารถดูแลได้อีกแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน