สำนักพิมพ์มติชน ชวนตะลุย “I-SAN BOOK FAIR งานมหกรรมหนังสือภาคอีสาน ครั้งที่ 10” ไฮไลต์เพียบ พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม

การกลับมาอีกครั้งของมหกรรมหนังสือสุดยิ่งใหญ่ในภาคอีสานกับ “I-SAN BOOK FAIR งานมหกรรมหนังสือภาคอีสาน ครั้งที่ 10” มหกรรมหนังสือที่มุ่งหวัง “สร้างสังคมอีสาน สู่สังคมรักการอ่าน” ระหว่างวันที่ 17-23 สิงหาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่นงาน

รวบรวมร้านหนังสือ ตัวแทนจำหน่าย สำนักพิมพ์ชื่อดังจากทั่วประเทศเดินทางมาพบเจอกันกับนักอ่านอย่างคับคั่ง พร้อมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษและสิทธิพิเศษมากมายเอาใจคนรักหนังสือ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับบรรยากาศสนุกสนาน เปิดพื้นที่พบเจอกันระหว่างนักเขียนนักอ่านและกิจกรรมม่วนๆ ที่จะมาแต่งแต้มสีสันให้โลกของหนังสือเต็มไปด้วยความหลากหลาย

สำนักพิมพ์มติชนเห็นความสำคัญของการส่งเสริมสังคมการอ่านในทุกมิติ ทุกพื้นที่ รวมทั้งภูมิภาคอีสานที่เป็นภูมิภาคขนาดใหญ่และมีพลวัตทางสังคมที่น่าสนใจ จึงเป็นหมุดหมายสำคัญของสำนักพิมพ์ในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสร้างสรรค์โลกของหนังสือไปพร้อมกับเทศกาลหนังสือและมหกรรมหนังสืออีสานร่วมกับเพื่อนสำนักพิมพ์มากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึง “I-SAN BOOK FAIR งานมหกรรมหนังสือภาคอีสาน ครั้งที่ 10” ในครั้งนี้ด้วย

ความสุขของคนทำหนังสือคือการได้พบปะนักอ่านทุกคน สำหรับงานมหกรรมหนังสือในครั้งนี้สำนักพิมพ์มติชนจัดเตรียมหนังสือคุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดีหลากหลายแนว ทั้งประวัติศาสตร์ การเมือง มานุษยวิทยา เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัชญา จิตวิทยา และอีกมากมายหลากหลายแนวให้ผู้อ่านเลือกกันได้อย่างเต็มที่

ไม่เพียงเท่านั้นเรายังจัดโปรโมชั่นพิเศษภายในงาน พร้อมของพรีเมี่ยมที่ออกแบบอย่างตั้งใจเพื่อนักอ่านทุกคนที่ “บูธ C03” ตั้งแต่วันที่ 17-23 สิงหาคม 2565 เวลา 09.00-20.00 น. ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น

หนังสือไฮไลต์สำนักพิมพ์มติชน
1) พจนานุกรมสร้างชาติ: อุดมการณ์รัฐไทยในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ผู้เขียน: มานิตา ศรีสิตานนท์ เหลืองกระจ่าง
จำนวน: 336 หน้า I ราคา 380 บาท
ประเภท: วิชาการ (มานุษยวิทยา) สเปค: ปกอ่อน ขาวดำทั้งเล่ม
…อุดมการณ์รัฐไทยที่แฝงอยู่ในถ้อยคำที่พูด ข้อเขียนที่ใช้ เป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกของพจนานุกรม… รู้หรือไม่ ? ในภาษาไทย มีอุดมการณ์รัฐไทยแอบแฝงอยู่

“มานิตา ศรีสิตานนท์ เหลืองกระจ่าง” จะพาผู้อ่าน สำรวจประวัติศาสตร์พจนานุกรมในประเทศไทยไปกับราชบัณฑิตยสถาน หนังสืออ้างอิงหลักทางภาษาเล่มสำคัญของไทยที่ไม่เพียงทำหน้าที่กำหนดกฎเกณฑ์การใช้ภาษาไทยอย่างเป็นระบบเท่านั้น หากแต่ยังสร้างภาษาไทยมาตรฐานที่อนุรักษ์ความเป็นไทย ตลอดจนสอดแทรกอุดมการณ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” สู่ภาษาไทยที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

ร่วมท่องไปในโลกพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ตามรอยอุดมการณ์ทางภาษาของราชบัณฑิตยสถานและความหมายของ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ที่ปรับเปลี่ยนนิยามความหมายอย่างสอดรับกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมซึ่งผันแปรตามยุคสมัยไป

2) Black Leopard, Red Wolf เสือดาวดำ หมาป่าแดง
ผู้เขียน: มาร์ลอน เจมส์
ผู้แปล: ธีรศักดิ์ จิรรัตนไพโรจน์
จำนวน: เล่ม 1 360 หน้า / เล่ม 2 560 หน้า ราคา 760 บาท(รวม 2 เล่ม
ประเภท: วรรณกรรมแปล I สเปค: ปกอ่อน ขาวดำทั้งเล่ม

ปฐมบทการเดินทางของนักสะกดรอยไร้นามผู้ครอบครองดวงตาหมาป่าและจมูกอันเป็นเลิศ พร้อมด้วยเพื่อนร่วมเดินทางอย่างชายผู้สามารถกลายร่างเป็นเสือดาว พวกเขามารวมตัวกันจากการจ้างวานของนักค้าทาสกลับกลอกเพื่อตามหาเด็กชายผู้สาบสูญ ทว่าระหว่างการตามหาความจริงกลับเผยให้เห็นเรื่องราวเบื้องหลังอันสลับซับซ้อนเกี่ยวกับสงครามระหว่างแดนเหนือกับแดนใต้ ความดำมืดของเหล่าราชา สัญชาตญาณดิบของมนุษย์ และความรักที่ไร้เส้นแบ่งทางเพศ ท่ามกลางฉากหลังของป่าลึกลับ มนต์คาถา และกลิ่นอายตำนานแอฟริกา

เจมส์ตั้งใจเขียนเรื่องนี้เป็นมหากาพย์ ซึ่งมีลักษณะของเรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่า และให้อำนาจผู้อ่านในการตัดสินใจว่าเรื่องใดจริง เรื่องใดแต่ง อีกทั้งยังผสมผสานวัฒนธรรมแอฟริกาเข้ามาในเนื้อเรื่องจนสะกดผู้อ่านด้วยความแปลกใหม่กว่านวนิยายแฟนตาซีเรื่องไหนๆ ทั้งเวทมนต์ แม่มด ไปจนถึงลำนำและเครื่องดนตรีแบบแอฟริกัน

และที่สำคัญที่สุดคือรายละเอียดแผนที่ของเมือง เอกลักษณ์ของผู้คนและประเพณีแต่ละชนเผ่า การรับรู้เวลาแบบแอฟริกา รวมทั้งคำศัพท์แอฟริกาต่างๆ ที่สอดแทรกเข้ามาตลอดทั้งเรื่อง ทั้งหมดนี้เป็นผลผลิตของเวลาสามปีที่เจมส์ใช้ค้นคว้าเกี่ยวกับขนบธรรมเนียม ตำนาน ประวัติศาสตร์ และวากยสัมพันธ์ของแอฟริกาโบราณ ซึ่งช่วยขับเน้นความตื่นเต้นในทุกการผจญภัยของทุกตัวละคร

Concept ของหน้าปก
นอกจากเนื้อหาสุดเข้มข้น ความพิเศษของหนังสือเล่มนี้คือ การออกแบบปกอย่างละเมียดและเล่นล้อไปกับเนื้อหาภายในเล่มอย่างน่าสนใจ ผ่านเทคนิคพิเศษและการสร้างสรรค์โดย “ชนาเมธ เบญจาพิสุทธิ์” ที่ได้กล่าวถึงปกคาดเบลท์สวยงามเล่มนี้เอาไว้ว่า “ไอเดียหลักๆ ก็คือการซ้อนทับของอุดมการณ์ชาติที่ถูกสอดแทรกอยู่ภายในพจนานุกรม”

ชนาเมธยังได้กล่าวถึงไอเดียในการออกแบบให้มีสายเบลท์คาดอยู่บนหน้าปกหนังสือว่า “เมื่อผู้อ่านเห็นในตอนแรกจะเห็นการซ้อนทับในลักษณะของการ ‘รบกวน’ ที่บดบังจนเห็นชื่อหนังสือไม่ชัดเจน แต่ถ้าเราคลี่คลายเบลท์ที่คาดอยู่ออกมาโดยการเลื่อนออกไปบนแถบกราฟิกสีแดง-ขาว-น้ำเงินด้านขวามือเราจะเห็นความหมายของอุดมการณ์ชาติที่ถูกสอดแทรกอยู่ในพจนานุกรมชัดเจนขึ้น”

3) ล้านนาสวามิภักดิ์ ความสัมพันธ์ในระบบบรรณาการระหว่างจีนกับล้านนา
ผู้เขียน: โจวปี้เฝิง จำนวน: 192 หน้า I ราคา 200 บาท
ประเภท: ประวัติศาสตร์ I สเปค: ปกอ่อน ขาวดำทั้งเล่ม
เรื่องย่อ ความสัมพันธ์เชิงอำนาจและระบบอุปถัมภ์ เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับล้านนาได้อย่างไร

ชวนสำรวจความสัมพันธ์ในระบบบรรณาการระหว่างจีนกับล้านนา ซึ่งได้ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์จีนครั้งแรกสมัยราชวงศ์หยวน ร่วมย้อนมองจุดเริ่มต้นและกลไกระบบบรรณาการของจีนในฐานะรัฐยิ่งใหญ่ผู้รับบรรณาการ และแนวทางการปฏิบัติของล้านนาในฐานะผู้ถวายบรรณาการ ที่สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างผู้ใหญ่และผู้น้อยในสมัยปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13-16

4) ความเรียงว่าด้วยประชาธิปไตยติดอาวุธ
ผู้เขียน: รศ.ดร.ปวริศร เลิศธรรมเทวี
จำนวน: 240 l ราคา 225 บาท
ประเภท: วิชาการ (Modern Politics) I สเปค: ปกอ่อน ขาวดำทั้งเล่ม
เรื่องย่อ ความเรียงว่าด้วยประชาธิปไตยติดอาวุธ ความเรียงที่ย้อนเส้นทางระบอบการปกครองของตะวันตกสู่ระบอบประชาธิปไตยไทยซึ่งล้มเหลวมามากกว่ากึ่งศตวรรษ ทำลายความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตย

ร่วมทบทวน ครุ่นคิด และใช้วิจารณญาณร่วมกัน เราอาจได้คำตอบที่ตรงกับความเรียงฯ นี้ ว่าเหตุใดประชาธิปไตยจึงต้อง “ติดอาวุธ” งานวิชาการซึ่งว่าด้วยการเสนอแนวคิด “ประชาธิปไตยติดอาวุธ” ซึ่งหมายถึงการสร้างกลไกทางรัฐธรรมนูญและกระบวนการทางกฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งคุณค่าของระบอบประชาธิปไตยให้คงอยู่ หรือป้องกันมิให้ระบอบประชาธิปไตยถูกทำลายลง โดยย้อนเล่าถึงที่มาของปรัชญาแนวคิดทางการเมืองดังกล่าวจากโลกตะวันตกว่ามีลักษณะ ขอบเขต และการปรับใช้อย่างไร ตามด้วยแนวคิดพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง

กรณีศึกษาการปรับใช้แนวคิดประชาธิปไตยที่ใช้อาวุธเพื่อปกป้องตนเองของต่างประเทศ เพื่อศึกษาความสำเร็จและถอดบทเรียนความล้มเหลวของต่างประเทศ ก่อนจะยกบริบทการเมืองประเทศไทยที่ผ่านมามาถ่ายทอดพร้อมเปรียบเทียบกับแนวคิด เพื่อชี้ให้เห็นว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 90 ปีของระบอบประชาธิปไตยไทยนั้น รัฐไทยเรียนรู้ที่จะใช้กลไกทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญเพื่อ “ติดอาวุธ” ในนามระบอบประชาธิปไตยเสมอมา

ทว่าการปล่อยให้กองทัพกุมอำนาจผ่านการรัฐประหารกลับเป็นการติดอาวุธเพื่อสิ่งอื่นแทนที่จะเป็นไปเพื่อการปกปักรักษากลไกทางประชาธิปไตย คล้ายกับจะตอบคำถามไปพร้อมๆ กันว่าเหตุใดประชาธิปไตยไทยจึงไม่อาจลงหลักปักฐานได้จนกระทั่งปัจจุบัน

โปรโมชั่นภายในบูธ
• ส่วนลดหนังสือภายในบูธ 15-20%
• ซื้อครบ 1,000 บาท: รับทันที Book Journey Tote 1 ใบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน