เยือนสารคาม-ชมอลังการโบสถ์ ย้อนอารยธรรม‘ทวารวดี-ขอม’

อลังการโบสถ์ – จังหวัดมหาสารคาม เป็นแหล่งอารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคอีสาน จากการขุดค้นทางโบราณคดีพบหลักฐานว่าได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยคุปตะตอนปลายและปาลวะของอินเดียในรูปแบบของศิลปะสมัยทวารวดี อาทิ ขุดพบพระพิมพ์ดินเผา รวมทั้งพบพระบรมสารีริกธาตุที่บริเวณกลางทุ่งนาใน เขต .นาดูน และที่ .กันทร วิชัย

พบหลักฐาน เป็นพระพุทธรูปยืนแกะสลักจากหิน

ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดพระพุทธมงคลเมือง และวัดพระพุทธมิ่งเมือง เป็นต้น

นอกจากนี้ ในพื้นที่มหาสารคาม ยังพบร่องรอยวัฒนธรรมขอม ปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีประเภทโบราณวัตถุสถานที่สร้างขึ้น เนื่องในสายวัฒนธรรมแบบเขมร หรือแบบขอมอยู่หลายแห่ง กระจายอยู่หลายพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด ซึ่งชาวอีสานตามความเชื่อวัฒนธรรมลาว ได้เรียกโบราณสถานวัตถุเหล่านี้ว่ากู่

นายสมชาติ มณีโชติ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า จากหลักฐานประเภทศิลปะโบราณวัตถุสถานแบบเขมรในพื้นที่ จังหวัดมหา สารคาม ได้รับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ฮินดู ที่ได้แผ่อิทธิพลผ่านมาทางวัฒนธรรมขอมที่เป็นโบราณวัตถุสถานสร้างขึ้นเนื่องในสายวัฒนธรรมแบบเขมรหรือแบบ โดยได้รับอิทธิให้เห็นในรูปแบบปราสาท ลักษณะการก่อสร้างได้รับอิทธิพล ทั้งลักษณะรูปแบบการก่อสร้างและคติความเชื่อมาจากอาณาจักรขอมหรือเขมรโบราณ ไม่น้อยกว่าราวพุทธศตวรรษที่ 15 และต่อเนื่องมาจนถึงราวพุทธศตวรรษที่ 18

ทั้งนี้ในบรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสายวัฒนธรรมเขมร ส่วนใหญ่มีทั้งใช้อิฐ ศิลาทรายและศิลาแลง เป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างและเรียกอาคารเหล่านี้ว่า ปราสาท หรือปราสาทหิน ใช้เป็นศาสนสถานในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทั้งในศาสนาฮินดูและพระพุทธศาสนานิกายมหายาน สถานที่ปราสาทขอมโบราณตั้งอยู่จึงเป็นหลักฐานยืนยันว่าดินแดนเหล่านี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอมที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน ต่อมาภายหลังชาวอีสานตามความเชื่อวัฒนธรรมลาว ได้เรียกปราสาทเหล่านี้ว่ากู่

ปัจจุบันกู่หลายแห่งได้รับการขุดแต่งจากกรมศิลปากร จนมีสภาพที่สมบูรณ์ และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญสร้างรายได้เข้า ท้องถิ่น นอกจากนั้นกู่บางแห่งชาวบ้านในท้องถิ่นซึ่งเป็นความเชื่อวัฒนธรรมลาว เชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จึงนำพระพุทธรูปเข้าไปตั้งไว้เพื่อสักการบูชา และเข้าไปจัดงานบุญประเพณี อาทิ สรงกู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นต้น

เป็นที่น่ายินดีที่สถาบันการอุดมศึกษาในพื้นที่ได้มีโครงการปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ ร่วมกันอนุรักษ์โบราณสถานสมัยขอมเหล่านี้เอาไว้ให้อยู่คู่ชุมชน

หลังจากเที่ยวชมกู่โบราณสถานสมัยขอมแล้ว ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนา ที่น่าสนใจ นั่นคือการเที่ยวชมอุโบสถพุทธศิลป์สร้างใหม่ อาทิ

อุโบสถไม้วัดป่าวังน้ำเย็น

1.อุโบสถไม้วัดป่าวังน้ำเย็น .เกิ้ง .เมือง เป็นอุโบสถหลังใหญ่ วัสดุก่อสร้างใช้ไม้ซุงขนาดใหญ่ทั้งหลัง เฉพาะเสาไม้ซุงจำนวน 32 ต้นใหญ่ กว้าง 32 เมตร ยาว 70 เมตร

อุโบสถรูปทรงเรือวัดหนองหูลิง

2.อุโบสถรูปทรงเรือวัดหนองหูลิง .มิตรภาพ .เมือง เป็นอุโบสถที่มีรูปทรงแปลกตาแตกต่างจากอุโบสถทั่วๆ ไป รูปทรงสถาปัตยกรรมสร้างเป็นรูปทรงเรืออนันตนาคราช มีความกว้าง 40 เมตร ยาว 20 เมตร

อุโบสถวัดป่าหนองชาด

3.อุโบสถวัดป่าหนองชาด หมู่ 2 หมู่บ้านหัวหนอง .ดอนเงิน .เชียงยืน ถือเป็นวัดที่มีพระอุโบสถสวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดมหาสารคาม วิหารคดที่ล้อมรอบอุโบสถฝาผนังวิหารประดับไปด้วยพระพิมพ์สมเด็จสีทอง ทั้งด้านใน และด้านนอก มากกว่า 10,000 องค์ ส่วนตรงกลางเป็นพระอุโบสถสร้างจากวัสดุไม้รูปทรงประยุกต์เป็นการรวมศิลปะของ 3 ชาติเข้าไว้ด้วยกัน คือ ลาว พม่า และไทย

อุโบสถรูปทรงเรือวัดวังยาววารี

4.อุโบสถรูปทรงเรือวัดวังยาววารี บ้านวังยาว หมู่ 2 .เกิ้ง .เมือง ก่อสร้างในปี 2556 สิ้นค่าก่อสร้างกว่า 6 ล้านบาท ลักษณะสถาปัตยกรรมสร้างเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์ ออกแบบได้สวยงามลงตัวภายในอุโบสถมีพระพุทธชินราชเป็นพระประธานตามฝาผนังมีภาพเขียนพุทธประวัติเพื่อให้พุทธศาสนิกชน ที่มาวัดได้ศึกษาเรียนรู้

อุโบสถไม้ วัดโพธิ์ศรี

5.อุโบสถไม้ วัดโพธิ์ศรี .คันธารราษฎร์ .กันทรวิชัย พุทธศิลป์ล้านช้างผสมล้านนา ถึงจะเป็นอุโบสถที่ไม่ใหญ่โตแต่จุดเด่น คือ ตัวอาคารก่อสร้างด้วยไม้มีการแกะสลักบาน ประตูหน้าต่าง ตกแต่งรอบตัวอาคาร สวยงามคลาสสิคให้บรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติกิจของสงฆ์

จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว หากมีโอกาสผ่านเข้ามายังเมืองมหาสารคาม ไม่ควรพลาดแวะเที่ยวชมโบราณสถานสมัยขอม และชมพระอุโบสถที่สวยงาม

โดย : เชิด ขันตี ณ พล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน