หลวงพ่อเอีย กิตติโก

วัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

หลวงพ่อเอีย กิตติโก วัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี : อริยะโลกที่ 6 – วันเสาร์ที่ 9 พ.ค.2563 น้อมรำลึกครบรอบ 115 ปี ชาตกาล “พระครูสังวรกิตติคุณ” หรือ “หลวงพ่อเอีย” วัดบ้านด่าน ต.เกาะลอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

กล่าวได้ว่า เมื่อสมัย 40-50 ปีก่อน แถบชายแดนไทย-เขมรภาคตะวันออก ไม่มีใครไม่รู้จัก “หลวงพ่อเอีย กิตติโก” วัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี พระเกจิชื่อดัง

ได้รับนิมนต์ร่วมปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษกมากมาย ทั้งในท้องที่เขตจังหวัดปราจีนบุรี และต่างถิ่น รวมไปถึงพิธีใหญ่ๆ ในกรุงเทพมหานคร

เกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2448 บิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเยาว์ เป็นคนฝักใฝ่ในการศึกษา เรียนหนังสือจบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาบรรพชาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2465 ซึ่งมีอายุได้ 17 ปี

ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติเคร่งครัด และฝึกสมถกรรมฐาน สืบเนื่องมาจนอายุครบบวช จึงอุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2468 ที่วัดสัมพันธ์ ต.สัมพันธ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มี พระครูสังวรกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการอ้วน วัดชัยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเคน วัดบ้านด่าน เป็นพระอนุสาว นาจารย์

เป็นพระผู้มีพรสวรรค์อันปราดเปรื่องมุ่งมั่นในการศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ แม้ว่าสำนักศึกษาในสมัยนั้นจะหาไม่ได้ง่ายๆ ต้องบุกบั่นเดินทางไปไกลๆ และหาความสะดวกมิได้เลย แต่ท่านก็ไม่ได้ย่อท้อ

ครั้นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมจนเป็นที่เข้าใจดีแล้ว ก็เดินธุดงค์ไปยังสำนักหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพื่อศึกษาวิทยาการต่างๆ ทั้งกฤตยาคม และแพทย์แผนโบราณ จนได้ประกาศนียบัตร

เนื่องจากได้เล็งเห็นว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านได้ ดังนั้น ใครก็ตามที่ประสบความทุกข์ร้อน ไม่ว่าทางกาย อันได้แก่โรคาพยาธิ หรือทางใจ หรือเดือดร้อนอื่นๆ หากหลวงพ่อช่วยได้ท่านก็จะช่วยเหลือโดยไม่รั้งรอ ผู้ที่ไปหาท่านจึงได้รับแต่ความอบอุ่นทั้งกายและใจ ความพร้อมมูลด้วยพรหมวิหาร 4 ของหลวงพ่อ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งสร้างเกียรติประวัติของท่านให้เป็นที่เลื่องลือ

ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อปี พ.ศ.2482 โดยเสียสละเวลาช่วยเหลือชาวบ้านทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและคุณไสยต่างๆ มีชาวบ้านมาจากทั่วทุกสารทิศมุ่งหน้ามาวัด จนวัดมีสภาพเหมือนโรงพยาบาลย่อมๆ

บางคนที่อาการหนัก จะมาพักอาศัยอยู่ที่วัดนานเป็นเดือน แต่ด้วยเมตตาธรรม จึงให้การดูแลรักษาอย่างเท่าเทียมกัน

ในปี พ.ศ.2501 เป็นเจ้าคณะตำบลเกาะลอย ปกครอง 7 วัด และเป็นพระอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาพระปริยัติธรรม ในปี พ.ศ.2502 เป็นพระอุปัชฌาย์

ท้ายสุด ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่พระครูสังวรกิตติคุณ ในปีพ.ศ.2511

อบรมสั่งสอนทั้งพระภิกษุ-สามเณร ตลอดจนอุบาสก-อุบาสิกาอยู่เนืองนิจ ท่านส่งเสริมเรื่องการศึกษา โดยตั้งสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม และสอนกรรมฐาน และยังสร้างโรงเรียนประชาบาล ชื่อ “โรงเรียนเกาะลอยกิตติโกอุปถัมภ์”

ด้านวัตถุมงคลสร้างไว้มากมายหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ พระกริ่ง ภาพถ่าย พระผง ผ้ายันต์ ตะกรุด ฯลฯ

สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ มรณภาพ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2521 สิริอายุ 73 ปี พรรษา 52

คำสั่งสุดท้ายได้สั่งแก่ศิษย์ทั้งหลายว่า “ขอให้ศิษย์ทุกคนจงทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ใครกระทำแล้วย่อมประเสริฐกว่าคนทั้งหลาย และท่านเคยสอนว่า ความสามัคคีคือกำลังสำคัญทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านว่าคนเรานี้จะอยู่ในสถานที่ใดๆ ก็ตาม จงทำความเจริญขึ้นให้แก่สถานที่นั้นด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สิ่งทั้งหลายย่อมปรากฏ” วันเสาร์ที่ 9 พ.ค.2563 น้อมรำลึกครบรอบ 115 ปี ชาตกาล “พระครูสังวรกิตติคุณ” หรือ “หลวงพ่อเอีย” วัดบ้านด่าน ต.เกาะลอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

กล่าวได้ว่า เมื่อสมัย 40-50 ปีก่อน แถบชายแดนไทย-เขมรภาคตะวันออก ไม่มีใครไม่รู้จัก “หลวงพ่อเอีย กิตติโก” วัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี พระเกจิชื่อดัง

ได้รับนิมนต์ร่วมปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษกมากมาย ทั้งในท้องที่เขตจังหวัดปราจีนบุรี และต่างถิ่น รวมไปถึงพิธีใหญ่ๆ ในกรุงเทพมหานคร

เกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2448 บิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเยาว์ เป็นคนฝักใฝ่ในการศึกษา เรียนหนังสือจบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาบรรพชาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2465 ซึ่งมีอายุได้ 17 ปี

ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติเคร่งครัด และฝึกสมถกรรมฐาน สืบเนื่องมาจนอายุครบบวช จึงอุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2468 ที่วัดสัมพันธ์ ต.สัมพันธ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มี พระครูสังวรกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการอ้วน วัดชัยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเคน วัดบ้านด่าน เป็นพระอนุสาว นาจารย์

เป็นพระผู้มีพรสวรรค์อันปราดเปรื่องมุ่งมั่นในการศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ แม้ว่าสำนักศึกษาในสมัยนั้นจะหาไม่ได้ง่ายๆ ต้องบุกบั่นเดินทางไปไกลๆ และหาความสะดวกมิได้เลย แต่ท่านก็ไม่ได้ย่อท้อ

ครั้นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมจนเป็นที่เข้าใจดีแล้ว ก็เดินธุดงค์ไปยังสำนักหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพื่อศึกษาวิทยาการต่างๆ ทั้งกฤตยาคม และแพทย์แผนโบราณ จนได้ประกาศนียบัตร

เนื่องจากได้เล็งเห็นว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านได้ ดังนั้น ใครก็ตามที่ประสบความทุกข์ร้อน ไม่ว่าทางกาย อันได้แก่โรคาพยาธิ หรือทางใจ หรือเดือดร้อนอื่นๆ หากหลวงพ่อช่วยได้ท่านก็จะช่วยเหลือโดยไม่รั้งรอ ผู้ที่ไปหาท่านจึงได้รับแต่ความอบอุ่นทั้งกายและใจ ความพร้อมมูลด้วยพรหมวิหาร 4 ของหลวงพ่อ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งสร้างเกียรติประวัติของท่านให้เป็นที่เลื่องลือ

ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อปี พ.ศ.2482 โดยเสียสละเวลาช่วยเหลือชาวบ้านทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและคุณไสยต่างๆ มีชาวบ้านมาจากทั่วทุกสารทิศมุ่งหน้ามาวัด จนวัดมีสภาพเหมือนโรงพยาบาลย่อมๆ

บางคนที่อาการหนัก จะมาพักอาศัยอยู่ที่วัดนานเป็นเดือน แต่ด้วยเมตตาธรรม จึงให้การดูแลรักษาอย่างเท่าเทียมกัน

ในปี พ.ศ.2501 เป็นเจ้าคณะตำบลเกาะลอย ปกครอง 7 วัด และเป็นพระอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาพระปริยัติธรรม ในปี พ.ศ.2502 เป็นพระอุปัชฌาย์

ท้ายสุด ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่พระครูสังวรกิตติคุณ ในปีพ.ศ.2511

อบรมสั่งสอนทั้งพระภิกษุ-สามเณร ตลอดจนอุบาสก-อุบาสิกาอยู่เนืองนิจ ท่านส่งเสริมเรื่องการศึกษา โดยตั้งสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม และสอนกรรมฐาน และยังสร้างโรงเรียนประชาบาล ชื่อ “โรงเรียนเกาะลอยกิตติโกอุปถัมภ์”

ด้านวัตถุมงคลสร้างไว้มากมายหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ พระกริ่ง ภาพถ่าย พระผง ผ้ายันต์ ตะกรุด ฯลฯ

สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ มรณภาพ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2521 สิริอายุ 73 ปี พรรษา 52

คำสั่งสุดท้ายได้สั่งแก่ศิษย์ทั้งหลายว่า “ขอให้ศิษย์ทุกคนจงทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ใครกระทำแล้วย่อมประเสริฐกว่าคนทั้งหลาย และท่านเคยสอนว่า ความสามัคคีคือกำลังสำคัญทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านว่าคนเรานี้จะอยู่ในสถานที่ใดๆ ก็ตาม จงทำความเจริญขึ้นให้แก่สถานที่นั้นด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สิ่งทั้งหลายย่อมปรากฏ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน