หลวงพ่อกริ่ง ปัญญาพโล“หลวงพ่อกริ่ง ปัญญาพโล” หรือ “พระครูวิธานกาญจนกิจ” วัดโพธิ์ศรีสุขาราม (วัดโพธิ์เลี้ยว) อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

พระเกจิที่มีชื่เสียงโด่งดังในพื้นที่เมืองกาญจน์ วิทยาคมไม่เป็นสองรองใครในยุคนั้น

เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อน้อย คันธโชโต วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม เจ้าตำรับราหูอมจันทร์และวัวธนูที่โด่งดัง

มีนามเดิมชื่อ กริ่ง จินดากูล เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 30 มี.ค.2460 ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 5 ปีมะเส็ง พื้นที่บ้านทวน ต.บ้านทวน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี บิดา-มารดา ชื่อ นายนาค และนางเทียบ จินดากูล

อายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2483 ที่พัทธสีมาวัดท่าเรือ ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มีพระครูวรวัตตวิบูลย์ เจ้าอาวาสวัดแสนตอ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการวุ้น พุทธสโร เจ้าอาวาสวัดท่าเรือ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใจ วัดแสนตอ เป็นอนุสาวนาจารย์

อยู่จำพรรษาวัดวังศาลา ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี แต่หลังจากนั้นไม่นาน ท่านย้ายไปสังกัดวัดศรีษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อศึกษาธรรมและวิทยาคมจากหลวงพ่อน้อย เจ้าอาวาสวัดศรีษะทอง เกจิชื่อดังของเมืองนครปฐม เจ้าตำรับราหูอมจันทร์และวัวธนู

ในสมัยนั้นหลวงพ่อน้อย มีลูกศิษย์ก้นกุฏิอยู่ 2 รุป คือ พระสมและพระกริ่ง

จึงส่งพระสมให้ไปเรียนที่วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค และหลวงพ่อน้อยหวังจะให้รับช่วงเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อจากท่าน.

ขณะเดียวกันก็รู้ว่า พระกริ่งสนใจด้านวิทยาคม จึงได้เสกหมากเสกพลูให้พระกริ่งเคี้ยวทุกวัน ก่อนสอนวิชาวัวธนูและวิชาราหู

เป็นศิษย์ก้นกุฏิเพียงคนเดียวเท่านั้นที่หลวงพ่อน้อยครอบครูราหูให้ และช่วยหลวงพ่อน้อย จารกะลามาโดยตลอด เนื่องจากจารเองเพียงรูปเดียวไม่ทันเวลาในฤกษ์นั่นเอง

ครั้นเมื่อท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาจนเสร็จสิ้น จึงได้กลับมาจำพรรษา ที่วัดหัวพงษ์ ในขณะนั้นมีเจ้าอาวาสรูปแรก นามว่า หลวงตาปั้น

ต่อมาหลวงตาปั้นออกธุดงค์แสวงหาความวิเวก และไม่ได้กลับมาที่วัดหัวพงษ์อีกเลย

ในปี พ.ศ.2487 ชาวบ้านจึงไปนิมนต์หลวงพ่อกริ่ง จากวัดศรีษะทองมาจำพรรษา

ต่อมาขณะนั้นอยู่ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นตั้งค่ายอยู่ตรงหน้าวัดโพธิ์เลี้ยว

มีเรื่องเล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่ง เดินผ่านค่ายทหารญี่ปุ่นในยามวิกาล ทหารญี่ปุ่นเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไส้ศึก ชักเอาดาบซามูไรฟันไปที่หลังจนจีวรขาด แต่ดาบซามูไรไม่ละคายผิวแม้แต่น้อย ทำให้ทหารญี่ปุ่นพากันนับถือยำเกรงเป็นอย่างมาก ขนาดขับรถจี๊ปให้นั่งไปกลับวัดศรีษะทองทุกครั้ง

เมื่อสงครามสงบลง ทหารญี่ปุ่นได้ถวายรถยนต์ เครื่องปั่นไฟ ให้ทั้งหมด วัดโพธิ์เลี้ยวจึงเป็นวัดแรกๆ ของ จ.กาญจนบุรี ที่มีรถยนต์และเครื่องปั่นไฟใช้ก่อนใครสมัยนั้น

พ.ศ.2519 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรในราชทินนามที่ พระครูวิธานกาญจนกิจ

เป็นพระที่รักสันโดษและอดทนมั่นคง โดยในฤดูร้อนเกือบทุกปี ขณะที่พระรูปอื่น ลาสิกขาเกือบหมด จะมีท่านอยู่เฝ้าวัดเพียงรูปเดียว สร้างถาวรวัตถุ และส่งเสริมการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร

ด้วยความผูกพัน ก็ไม่เคยทิ้งวัดศรีษะทอง จ.นครปฐม สร้างคุณูปการต่างๆ กับวัดศรีษะทองเป็นอันมาก ดั่งผู้ปิดทองหลังพระ

ช่วงท้ายชีวิต ก่อสร้างอาคารเรียนวัดโพธิ์ศรีสุขาราม แต่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกที่สูง กระดูกสันหลังอักเสบและขาเสีย

มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2535 เวลา 16.30 น.

สิริอายุ 75 ปี พรรษา 52

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน