รำลึก147ปี-คล้ายวันประสูติ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) – วันพุธที่ 1 ธ.ค.2564 น้อมรำลึกครบ 147 ปี คล้ายวันประสูติ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 15 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กิตติศัพท์เล่าขานว่าท่านเก่งและเชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการเรียนการสอนทางธรรม และทางโหราศาสตร์
ประสูติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2417 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เรือนแพหน้าวัดกัลยาณมิตร อ.บางกอกใหญ่จ.ธนบุรี บิดาชื่อ ตรุษ โยมมารดาชื่อ จันทร์
เมื่อพระเยาว์ทรงรับการศึกษาเบื้องต้นกับโยมบิดา ก่อนไปศึกษาวิชาหนังสือ วิชาเลขลูกคิด และโหราศาสตร์ ในสำนักของพระอาจารย์ช้าง วัดสระเกศ
พระชนมายุ 12 พรรษา ทรงบรรพชา เริ่มศึกษาภาษาบาลี มูลกัจจายน์ในสำนักของพระอาจารย์ช้าง
ต่อมาทรงศึกษาในสำนักของพระธรรมกิติ(เม่น) สำนักสมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ และสำนักพระยาธรรมปรีชา (ทิม)
พ.ศ.2433 เข้าแปลพระปริยัติธรรม ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นครั้งแรก ทรงได้เป็นเปรียญ 3 ประโยค พ.ศ.2436 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
พ.ศ.2437 ทรงอุปสมบทที่วัดสระเกศ สมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมทานาจารย์ (จุ่น) วัดสระเกศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระธรรมกิติ (เม่น) วัดสระเกศ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ได้ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรมอีกเมื่อ พ.ศ.2441 ได้เป็นเปรียญ 5 ประโยค และ พ.ศ.2443 ได้เปรียญ 6 ประโยค
พระองค์คิดว่าจะหยุดสอบไม่เข้าแปล อีกต่อไป แต่รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้เข้าแปลจนได้เป็นเปรียญ 7 ประโยค จากนั้นพ.ศ.2444 และพ.ศ.2445 ทรงเข้าแปลได้เป็นเปรียญ 8 และเปรียญ 9 ตามลำดับ
เมื่อทรงได้เป็นเปรียญ 9 ประโยคแล้ว ก็ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการสนามหลวงสอบไล่พระปริยัติธรรมตลอดมา
พ.ศ.2451 ได้พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระปิฎกโกศล
พ.ศ.2464 เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ “พระราชเวที” และในปีพ.ศ.2466 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ “พระเทพเวที”
รุ่งขึ้นปี พ.ศ.2467 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดสระเกศ ควบคู่ไปกับตำแหน่งเจ้าคณะแขวงเหนือ จ.ธนบุรี
สมัยรัชกาลที่ 7 ได้รับพระราชทาน เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมเจดีย์ และเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
ในรัชกาลที่ 8 ได้รับสถาปนาเป็น พระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรองที่ “พระธรรมวโรดม”
สมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดฯสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ “สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์”
พ.ศ.2505 สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตติโสภณมหาเถร) วัดเบญจมบพิตร สิ้นพระชนม์ จึงได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช และประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
ครั้นถึงวันที่ 4 พ.ค.2506 ทรงโปรดฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ ที่ 15 ในพระราชพิธีฉัตรมงคล
พระเกียรติคุณที่เลื่องลือของเจ้าประคุณสมเด็จฯ คือ พระอัจฉริยภาพทางโหราศาสตร์
นอกจากนี้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังทรงเชี่ยวชาญทางพิธีกรรม และไทยคดีอื่นๆ อีกหลายด้าน
โดยปกติเจ้าประคุณสมเด็จฯ มีพระพลานามัยดีตลอดมา แต่เพราะทรงชราภาพจึงประชวรด้วยโรคพระหทัย วันที่ 8 พ.ค. เกิดพระโลหิตอุดตันในสมอง
ด้วยพระองค์ทรงชรามากแล้ว กายสังขารมิอาจทานทนได้อีกต่อไป จึงสิ้นพระชนม์ในเวลา 02.20 น. วันที่ 15 พ.ค.2508
สิริพระชนมายุ 90 พระชันษา