วันพุธที่ 20 เม.ย. 2565 น้อมรำลึก ครบรอบ 112 ปี ชาตกาล “หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดอรัญญานาโพธิ์ ต.โพนสว่าง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พระเกจิชื่อดัง 5 แผ่นดินแห่งเมืองนครพนม เป็นที่เลื่อมใสของชาวนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง
เป็นศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่ศรีทัตถ์ ญาณสัมปันโน ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และพระพุทธบาทบัวบก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

มีนามเดิมว่า สนธิ์ โคตะบิน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เม.ย.2453 ที่บ้านนาโพธิ์ ต.โพนสว่าง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ท่านเป็นบุตรคนโต ในจำนวนชาย 6 คน หญิง 4 คน
เมื่อครั้งอายุ 18 ปี ออกหาปลาในลำน้ำอูน ขณะนอนตะแคงในท่าพนมมือสองข้างหนุนศีรษะ ผู้เฒ่าผู้แก่ทักว่าจะไม่ได้ครองเรือนเช่นคนทั่วไป แต่จะได้สืบทอดพระพุทธศาสนาตลอดชีวิต

อายุ 20 ปี ญาติถึงแก่กรรม บิดาจึงให้บวชหน้าไฟและอุปสมบทในคราวเดียวกัน ที่วัดศรีชมชื่น ต.โพนสว่าง อ.ศรีสงคราม มีหลวงพ่อแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อเกศ เป็นพระกรรมวาจา และมีหลวงพ่อเกิด เป็นพระกรรมวาจาจารย์
หลังอุปสมบท พรรษาแรกเดินธุดงค์ไป จำพรรษาที่ อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร อ.โพนสวรรค์ และ อ.ท่าอุเทน นานเป็นเวลา 8 พรรษา

ช่วงที่จำพรรษาอยู่ที่วัดพระธาตุท่าอุเทน ปวารณาฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน พระเกจิชื่อดัง ผู้สร้างพระพุทธบาทบัวบกในยุคนั้น ก่อนจะเดินธุดงค์ไปจำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทบัวบก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย ตามลำดับ

จากนั้นข้ามแม่น้ำโขงไปที่แขวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว นาน 2 พรรษา และธุดงค์ไปภูเขาควายอีก 4 พรรษา นั่งปฏิบัติธรรมท่ามกลางสัตว์ป่าดุร้าย เช่น หมี เสือโคร่ง
ก่อนธุดงค์ต่อไปในภาคเหนือของไทย 7 จังหวัด และภาคกลางอีก 7 จังหวัด
จนมาถึง จ.นครราชสีมา และกลับมายังบ้านเกิด หลังจากนั้นเดินทางไปสร้างวัด และจำพรรษาที่บ้านเปงจาน อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
กระทั่งทราบข่าวบิดาป่วย จึงเดินทางกลับมายังบ้านนาโพธิ์ เพื่อดูแลอาการ และได้สร้างวัดอรัญญานาโพธิ์ ในปี พ.ศ.2509 อยู่จำพรรษาจนถึงปัจจุบัน

เป็นพระที่มีความสมถะ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายเวลาเดินธุดงค์จะไม่มีทรัพย์สิน มีค่าติดตัว ไม่สวมรองเท้า และบิณฑบาตก็รับแต่พอฉันในแต่ละมื้อเท่านั้นไม่เก็บสิ่งของมีค่า มักน้อยสันโดษ เป็นอยู่ง่ายๆ กินแต่น้อย ไม่สะสมทรัพย์สิ่งของ จนเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธา

สร้างวัดอรัญญานาโพธิ์ เมื่อปี พ.ศ.2509 และยังสร้างโรงเรียนอีก 5 แห่ง และตึกอาพาธสงฆ์ที่ ร.พ.ศรีสงคราม สร้างศาลาการเปรียญวัดกุฏิอีกหลายแห่ง พร้อมตั้งมูลนิธิสนับสนุนทุนเรียนดีแต่ยากจน

เมื่อวัยเข้าสู่ชรา จึงกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิด แต่ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง อาพาธเป็นโรคเส้นเลือดในสมอง ก่อนนำตัวเข้ารักษาที่ ร.พ.ศรีสงคราม เมื่อเดือน พ.ย.2559 แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงส่งต่อไปรักษาตัวที่ ร.พ.นครพนม จากนั้นจึงส่งตัวไปรักษาต่อที่ ร.พ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น นาน 2 เดือน ก่อนกลับมารักษาตัวที่ ร.พ.ศรีสงคราม

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2560 มรณภาพ อย่างสงบ สิริอายุ 108 ปี พรรษา 88

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน