บรรยากาศของปฏิบัติการแผ่ “พลังดูด” จากทำเนียบรัฐบาลตลอดเดือนเมษายนต่อเนื่องมายังเดือนพฤษภาคม หากฟังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

เพราะนั่นคือ “ครรลอง” แห่งระบอบประชาธิปไตยไทย

กระนั้น หากย้อนกลับไปนึกถึงบรรยากาศก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

ก็อาจจะรู้สึก “ใจหาย” ไม่น้อย

เพราะไม่ว่าเสียงจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าเสียงจากกปปส.ล้วนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือ วิพากษ์โจมตีนักการเมืองน้ำเน่า

เรียกร้อง “ปฏิรูป” ก่อน “เลือกตั้ง”

คสช.ที่เข้ามาในเดือนพฤษภาคม 2557 ก็สานต่อและแบกรับภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยความคึกคักและเต็มใจ เห็นได้จากการเกิดขึ้นของ “แม่น้ำ 5 สาย”

สาย 1 ก็คือ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

ได้บุคคลระดับ “อธิการบดี” มาดำรงตำแหน่งสำคัญ และได้บุคคลอันเป็น “นักกฎหมาย” ระดับเอ้มาทำหน้าที่ในการยกร่าง “รัฐธรรมนูญ”

ทุกคนต่างเปี่ยมด้วยความหวัง ด้วยความมั่นใจ

อย่างน้อยก็มั่นใจว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอย่างช้าปี 2559 ตามที่มีการประกาศผ่าน “ปฏิญญาโตเกียว” การเมืองในประเทศไทยจะใสสะอาดได้นักการเมืองน้ำดีเข้ามา

แต่แล้ว “ชาวบ้าน” ก็ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก

ไม่เพียงเพราะการเลื่อนโรดแม็ปครั้งแล้วครั้งเล่าจาก “ปฏิญญาโตเกียว” มาเป็น “ปฏิญญานิวยอร์ก” และแม้กระทั่ง “ปฏิญญาทำเนียบขาว” ก็ไม่เป็นไปตามคำประกาศ

หากยังเห็นการออกคำสั่งที่สะท้อนความต้องการเอารัดเอาเปรียบ

และเมื่อเดินทางเข้าสู่เดือนเมษายนสังคมไทยก็ได้สัมผัสกับ “การเมืองใหม่” อันแผ่รังสีแห่งการดูดออกมาจาก “ทำเนียบรัฐบาล”

กลิ่นอายเหมือนๆ กับที่เคยเกิดขึ้นหลังรัฐประหารปี 2534

ความสงสัยต่อการโหมประโคมสกัดขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ของบรรดานักปฏิรูปก่อนเลือกตั้งแห่งกปปส.ต้องการเห็นอย่างนี้หรือ

ต้องการเห็นการกวาดต้อน “ซุ้ม” ต่างๆ เข้า “ทำเนียบรัฐบาล” หรือ

ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งซุ้มจากชลบุรีให้มีตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการต่อสายเข้าไปยังซุ้มบ้านริมน้ำอันเคยเป็นกลไกสำคัญแห่งพรรคสามัคคีธรรม

อยากรู้เหลือเกินว่า พวกที่เคย “ชัตดาวน์” คิดกันอย่างไร

เพราะแม้กระทั่งคนของพรรคประชาธิปัตย์อันเป็นรากฐานสำคัญของ “กปปส.” ก็ตกเป็นเป้าแห่งการดูดและแยกสลายอย่างอึกทึกครึกโครม

เราจะทำตาม “สัญญา” ขอ “เวลา” อีกไม่นาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน