คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 5.38 นาทีอันมาจาก นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม แปลกออกไปจากที่เคยปรากฏ

ครานี้มิได้มีเรื่องของ “หลาน” หรือ “ลูก”

ครานี้มิได้มีเรื่องของบรรดา “อดีต ส.ส.” ซึ่งเคยผูกพันกันมาตั้งแต่ยุคของพรรคไทยรักไทย ภายหลังการเลือกตั้งเดือนมกราคม 2544 และภายหลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2548

หากแต่ดำเนินไปอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

เน้นไปยังเศรษฐกิจของ “จีน” อย่างเป็นการจำเพาะ และมิได้เป็นการนั่งพูดอย่างเดียวหากแต่มีภาพและข่าวประกอบด้วย

ไม่มีการกระทบกระทั่งไปยังใครหรือองค์กรใด

เรียกว่าให้ความรู้ถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนที่มากด้วยการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เมื่อปี 2544 เป็นต้นมากระทั่งถึงปัจจุบัน

จากนั้นจึงค่อย “ชี้แนะ” ว่าสมควร “ทำ” อย่างไร

การสำแดงตัวตนของ นายทักษิณ ชินวัตร มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ในทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่เนื้อหาและสิ่งที่กล่าวถึงกลับเป็นเรื่องเศรษฐกิจ

ความน่าสนใจอยู่ที่เป็นเรื่องของ “จีน”

ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ของจีนอยู่ในห้วงซึ่งล่อแหลมและแหลมอย่างยิ่ง ไม่ว่าในเรื่องของเศรษฐกิจ ไม่ว่าในเรื่องของการเมือง

โดยเฉพาะการเมือง “ระหว่าง” ประเทศอันเปราะบาง

ความขัดแย้งในกรณีพิพาทเกี่ยวกับเกาะแก่งพื้นที่ทะเลจีนใต้ทำให้จีนกับ หลายประเทศเพื่อนบ้านมองหน้ากันไม่ติด ไม่ว่าจะเป็นจีน ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ แทบไม่ต้องรวมถึงไต้หวันอันเป็นความต่อเนื่องจากยุคเดือนตุลาคม 2492

การแอบอิงกับสถานการณ์ในจีนจึงมากด้วยความละเอียดอ่อน

กระนั้น เนื้อหาที่ นายทักษิณ ชินวัตร นำเสนออย่างเป็นระบบก็หลีกเลี่ยงจากประเด็นอันเป็นปัญหาและความขัดแย้ง

กลับมุ่งไปยังบทเรียนและการพัฒนาของจีน

เป็นการมองอย่างเข้าใจและเห็นในสภาพแปรเปลี่ยน 1 เข้าใจในความสำเร็จ ขณะเดียวกัน 1 เข้าใจในอุปสรรคและความจำเป็นที่เศรษฐกิจต้องชะลอตัว

ปัญหานี้มิใช่เฉพาะจีน หากแต่เป็นปัญหาของโลก

คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ ทั้งๆ ที่จีนเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรมหาศาล แต่ความสามารถในการทำให้รายได้ต่อหัวของประชากรเพิ่มทะยานกระทั่งเอาชนะ ประเทศไทยในเวลาเพียง 10 กว่าปีนับว่าสำคัญ

ตรงนี้ต่างหากที่จะต้องศึกษาและต้องทำความเข้าใจ

คลิปวิดีโอของ นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม อาจถือได้ว่าเป็นมิติใหม่ บาทก้าวใหม่

ไม่สร้างศัตรู ไม่เปิดแนวรบหรือก่อให้เกิดความเขม่นตาปลา ตรงกันข้าม พยายามให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ นำเอาบทเรียนจากต่างประเทศมาเป็นเครื่องมือให้กับคนไทย

เห็นแล้วก็นึกถึงรายการ “พบประชาชน” ในยุคก่อนรัฐประหาร 2549

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน