เหมือนกับว่าการเดินทางไปจัดประชุม “ครม.สัญจร” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ ภายใต้แผน “นครชัยบุรินทร์” จะดำเนินไปในแบบ

ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง

เพราะไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางไปพร้อมกับการอนุมัติโครงการเป็นจำนวนเงินมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทในพื้นที่เรียกว่า “อีสานใต้”

เท่ากับเป็นการโกยคะแนนให้กับประชารัฐและไทยนิยม

แต่พลันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะไปปรากฏตัว ณ สนามช้างอารีน่า พร้อมกับมีเงาร่างของ นายเนวิน ชิดชอบ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เดินเคียงข้าง

ผลสะเทือนนี้ก็ดำเนินไปอย่างเป็นหนังคนละเรื่อง

หากมองจากพื้นฐานทางการทหารถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความโดดเด่นเพราะไม่เพียงแต่เคยเป็นผบ.ทบ. หากยังเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร

รัฐประหารแล้วก็ขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี”

ศักดิ์ฐานะอยู่ในระนาบเดียวกันกับ จอมพล ป.พิบูลสงคราม หรือ จอมพล ส.ธนะรัชต์ หรือ จอมพล ถ.กิตติขจร

ตลอดจน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ หรือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

การไปบุรีรัมย์จึงเข้าลักษณะสำนวนโบราณของไทยที่ว่า “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” ได้อย่างครบถ้วนและบริบูรณ์

แต่พลันที่ นายเนวิน ชิดชอบ ปรากฏจังหวะของเพลงก็เริ่มเพี้ยน

คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ สนามช้าง อารีน่า ใครเป็นเจ้าของ ยิ่งกว่านั้น จำนวนประชาชนกว่า 30,000 คนมาเพราะบารมีของใคร

เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างนั้นหรือ

แต่เมื่อเห็นภาพของ นายเนวิน ชิดชอบ นุ่งกางเกงขาสั้นเยี่ยงนักฟุตบอลประกาศก้องทั้งสนามให้ประชาชนกว่า 30,000 คนต้องทำอย่างไรเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาถึง

“ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ”

ชัดเจนอย่างยิ่งว่า คนที่กำกับและบัญชาการประชาชนกว่า 30,000 คนไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากแต่เป็น นายเนวิน ชิดชอบ ต่างหาก

นายเนวิน ชิดชอบ จึงรับคะแนนไปเต็ม-เต็ม

ไม่ว่าจะมอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะอะไร ในฐานะนักการทหารที่ลงมือทำรัฐประหาร ในฐานะนักการเมืองที่มีเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นเป้าหมาย

แต่ภาพที่สนามช้าง อารีน่า บุรีรัมย์ ให้คำตอบได้

ให้คำตอบได้ว่าการย่างเท้าในทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้า หรือ นายเนวิน ชิดชอบ เดินหน้า

ใครเป็นคน “นำ” ใครเป็นคน “ตาม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน