และแล้ว สถานการณ์ “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” จากกรณีครม.สัญจรที่บุรีรัมย์ก็กลายเป็นประเด็นร้อนระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย

โดยที่พรรคเพื่อไทยขึ้นไปยืนมองอยู่บนภูสูง

บทบาทในการเปิดโปง เบื้องหน้า เบื้องหลัง การระดมประชาชนกว่า 30,000 เพื่อมาเปล่งเสียง “ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ” กึกก้องสนามช้าง อารีนา เป็นของหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์

ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ไม่ว่าจะเป็น นายอิสสระ สมชัย

ร้อนถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ต้องออกมาต่อกร

ขณะที่ นายเนวิน ชิดชอบ แอบไปยิ้มกริ่มอยู่ริมสนาม

ต้องยอมรับว่า ความโดดเด่นของ นายเนวิน ชิดชอบ ไม่ว่าเมื่อเดินอยู่ข้างๆ คณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าเมื่อควบขับบิ๊กไบก์ไปด้วยกันรอบสนาม

คนที่น่าจะอิจฉาตาร้อนน่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย

แม้กระทั่ง นายประกิจ พลเดช ซึ่งขับเคี่ยวกับ นายเนวิน ชิดชอบ มาอย่างยาวนานยังกบดานนิ่งสนิทเหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจ

ตรงกันข้าม คนของพรรคประชาธิปัตย์กลับร้อนรนมากกว่า

ทั้งๆ ที่ไม่ว่าเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ไม่ว่าเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ไม่ว่าเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มีเพียง 4-5 คนเท่านั้นในภาคอีสาน

ก็แค่ 4-5 คนนั่นแหละที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เดือดร้อน

ไม่ว่าจะในชื่อพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะในชื่อพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะในชื่อพรรคเพื่อไทย จำนวนส.ส.ในภาคอีสานมาเป็นอันดับ 1 เสมอ

แม้จะแยกไปเป็นพรรคภูมิใจไทยก็เป็นส่วนหนึ่ง

เพราะว่าในจังหวัดบุรีรัมย์ก็ใช่ว่าพรรคภูมิใจไทยจะกลืนได้อย่างเบ็ดเสร็จ หากแต่ยังมีคนของพรรคเพื่อไทยอยู่

สถานการณ์เหมือนๆ กับที่นครราชสีมา

พูดกันถี่ยิบว่าเป็นพื้นที่ของพรรคชาติพัฒนา แต่ลองไปสำรวจอย่างจริงพรรคชาติพัฒนาก็ได้แค่ในตัวอำเภอเมืองเท่านั้น ด้านหลักยังเป็นของพรรคเพื่อไทย ด้านรองเป็นของพรรคภูมิใจไทย

การไม่มีส.ส.เลยนั่นแหละทำให้พรรคประชาธิปัตย์ร้อนรน

จากความโดดเด่นของ นายเนวิน ชิดชอบ เด่นชัดยิ่งว่าผลสะเทือนจะตกกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติพัฒนา ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย

พรรคประชาธิปัตย์จึงรับไม่ได้

เพราะเท่ากับว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ถึงระดับ 20 คนอาจไม่ได้ หรือแม้กระทั่งจำนวน 4-5 คนที่มีอยู่ในมืออาจหลุดลอยไป

พรรคประชาธิปัตย์จึงหวั่นไหวเป็นอย่างสูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน