ไม่ว่าจะชมชอบ ไม่ว่าจะชิงชัง แต่ยิ่งใกล้วันที่ 27 พฤษภาคม อันเป็นวันประชุมพรรคเป็นครั้งแรกของพรรค อนาคตใหม่ ทุกสายตาย่อมจ้องมอง ติดตาม
น่าสนใจที่พรรคอนาคตใหม่ไม่เลือกประชุมที่ “โรงแรม”
ตรงกันข้าม กลับเลือกประชุมที่ ยิมเนเซียม 5 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ให้เป็นจุดเปิดตัวต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการ
อาจเพราะมีความผูกพันอยู่กับ “ธรรมศาสตร์”
ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ถือได้ว่าเป็นผลิตผลอันมาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คำถามก็คือ พรรคอนาคตใหม่จะมีอะไรนำเสนอ
หากติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่นับแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมเป็นต้นมา เวลาเพียง 3 เดือนถือได้ว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง
ไม่เพียงสร้างความรู้สึกเหมือนพรรคพลังธรรมเมื่อปี 2531
หากแต่ยังสร้างความรู้สึกเหมือนพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2541 และย้อนกลับไปยังพรรคพลังใหม่หลังสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 ด้วยซ้ำ
อาจเป็นเพราะเป็นการประสานระหว่าง 2 ส่วน
ส่วนหนึ่ง คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนักธุรกิจซึ่งมีฉายาว่า “ไพร่หมื่นล้าน” ส่วนหนึ่งคือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นนักวิชาการหัวก้าวหน้ามาจาก “นิติราษฎร์”
เพียง 3 เดือนชื่อ “ธนาธร ปิยบุตร” ก็ติดปาก
ถึงกระนั้น ชื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็จำกัดพื้นที่อยู่ในแวดวงของคนรุ่นใหม่ ยังไม่สามารถแผ่ขยายไปยังรากหญ้าหรือชนบทอันกว้างไพศาล
นี่เป็น “จุดอ่อน” ที่พรรคอนาคตใหม่เองก็รู้สึก
ในเดือนเมษายน คนของพรรคอนาคตใหม่จึงตระเวนไปทั้งภาคใต้ที่ตรัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไล่จากหนองบัวลำภู อุดรธานี บุรีรัมย์ นครราชสีมา
จากนั้นก็ขึ้นเชียงใหม่และย้อนลงภาคใต้ที่พังงา กระบี่
กล่าวสำหรับการประชุมใหญ่วันที่ 27 พฤษภาคม แม้ตามกฎหมายกำหนดอยู่ที่จำนวน 500 คน แต่เท่าที่สดับตรับฟังทำท่าว่าจำนวนจะพุ่งไปถึงกว่า 3,000 คน
ทั้งๆ ที่ยิมเนเซียม 5 จุได้เต็มที่ 2,000 คน
เหตุปัจจัยที่แสงแห่งสปอตไลต์ฉายจับอย่างเป็นพิเศษ เพราะความคาดหมายว่าพรรคอนาคตใหม่จะต้องสร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นในการเปิดตัวที่ธรรมศาสตร์อย่างแน่นอน
เริ่มจากการมี “บัตรเชิญ” ส่งถึงโดยตรง
ทั้งมิใช่บัตรเชิญแบบเหวี่ยงแห ตรงกันข้าม เป็นรายชื่อซึ่งแสดงความจำนงผ่านทางเพจของพรรคอนาคตใหม่ว่าต้องการเข้าไปมีส่วนในฐาน “อาสาสมัคร” และ “แนวร่วม”
เชื่อว่าข่าว “อนาคตใหม่” จะปรากฏออกมาเป็นระลอก