หากมองในเชิง “กายภาพ” เด่นชัดยิ่งว่า ความพยายามของ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ที่จะเดินทางจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังทำเนียบรัฐบาล ประสบความพ่ายแพ้ ล้มเหลว

ไม่เพียงแต่มิอาจเดินทางไปถึง “ทำเนียบรัฐบาล”

หากแต่หัวขบวนแท้จริงก็ไม่สามารถขยับขับเคลื่อนได้ไป และแม้จะมีบางส่วนเล็ดลอดกระทั่งไปถึงสะพานมัฆวานฯ ใกล้กับทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ถูกจับกุม

บางส่วนถูกจำขัง ณ สน.ชนะสงคราม บางส่วนถูกจำขัง ณ สน.พญาไท

กระนั้น หากมองในเชิง “เนื้อหา” ในทาง “ความคิด” ข้อเรียกร้องบนพื้นฐาน “อยากเลือกตั้ง” กลับได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงในทางสังคม

ไม่ว่าในหรือนอกประเทศต่างจับตาติดตาม

แถลงการณ์อันออกมาจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNOHCHR นับว่าเด่นชัด

พาดหัวข่าวของ “สื่อ” กระแสหลัก ยิ่งแจ่มชัด

ทั้งนี้ แทบไม่ต้องกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์อันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายในโซเชี่ยล มีเดีย อันถือว่าเป็น “สื่อใหม่”

การเดินทางไปเยี่ยมโดย “นักการเมือง” จากบางพรรค คือ ปรากฏการณ์ใหม่

การแสดงออกเช่นนี้เป็นการแสดงออกว่าเห็นด้วยในทางเนื้อหา ในทางความคิด อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา

เท่ากับเห็นคุณูปการของ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง”

เริ่มมีความเด่นชัดอย่างเป็นทางการมากยิ่งขึ้นจากคสช.และรัฐบาล ไม่ว่าจะโดยการแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะโดยการตอกย้ำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ตรงนี้ต่างหาก คือรูปธรรมแห่ง “ชัยชนะ”

ที่แล้วมา ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม้จะพูดถึงการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ก็ไม่มีท่าทีจริงจัง

ความไม่จริงจังนั่นแหละคือความไม่แน่นอนในทางการเมือง

หาก “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ไม่เสียสละตนเอง ยอมถูกจับ ยอมติดคุกติดตะราง อย่างที่เห็นกันมา ประชาชนจะได้เห็นความเอาจริงเอาจังจากคสช.และรัฐบาลในเรื่องนี้หรือ

อย่างมากก็เห็นแต่ความพยายามในการยื้อ ถ่วง หน่วง

บทบาทของ “กลุ่มอยากเลือกตั้ง” เปิดเผย ตรงไปตรงมาในความต้องการ นั่นก็คือ ต้องการให้มีการเลือกตั้งตามคำประกาศเสมอมาของคสช.และรัฐบาล

ไม่ต้องการให้มีการยื้อ ถ่วง หน่วง ทอดเวลาออกไปอีก

ในที่สุด ด้วยการลงแรง ไม่กลัวคดี ไม่กลัวความยาก ไม่กลัวความลำบาก สังคมก็ได้รับคำมั่นสัญญาอย่างเป็นทางการจากคสช.และรัฐบาล

สัญญานี้คือสิ่งที่ทุกคนจะต้องติดตาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน