ทั้งๆ ที่ “ครม.สัญจร” ที่บุรีรัมย์ สุรินทร์ ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม สร้างความคึกคักให้กับคสช.และรัฐบาลเป็นอย่างสูง

กระทั่งนำไปสู่การยกประเด็น “สระแก้ว” ขึ้นมา

เป็นการยกขึ้นมาด้วยฝีมือของที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นการยกขึ้นมาด้วยความหวังที่จะต่อยอดพลานุภาพแห่ง “การดูด” ให้เดินหน้า

ด้วยการยกปริมาณ 50,000 มากดทับ 30,000

แต่แล้ว “สระแก้ว โมเดล” ก็ถูกตีให้ตกอย่างรวดเร็ว แต่แล้วแม้กระทั่งการเดินทางไปสระบุรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นไปอย่างเงียบเชียบ

กลายเป็นหนังคนละม้วนกับ “บุรีรัมย์”

หลายคนอาจจะรู้สึกว่ากรณีที่สระแก้วอาจเป็นเรื่อง “ลวงโลก” แทบไม่แตกต่างจากการปรากฏตัวของเชื้อพระวงศ์จากกัมพูชา

นั่นก็คือ ที่ว่า “ดูด” นายเสนาะ เทียนทอง นั้นไม่จริง

นั่นก็คือ ที่ว่า นายเสนาะ เทียนทอง จะนำมวลชนกว่า 50,000 มาประสานเสียงเหมือนกับมวลชนกว่า 30,000 ที่สนามช้าง อารีนา บุรีรัมย์ นั่นเป็นเรื่องคิดเอง เออเอง

การเดินทางไปสระแก้วในวันที่ 18 จึงกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู

ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง การไม่เกิดปรากฏการณ์ในแบบสนามช้าง อารีนา ในพื้นที่ของสระแก้วนั้นมาจากอาการเจ็บไม่หายจากบุรีรัมย์มากกว่า

สรุปแล้วก็คือ ไม่ได้คุ้มกับที่เสีย

ปรากฏการณ์ “ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ” อันมาจากกว่า 30,000 เสียงโดยพร้อมเพรียงกันจากแต่ละอัฒจันทร์ในสนามช้าง อารีนา

คะแนนมิได้ลงไปที่ “ลุงตู่”

แม้ว่าภาพที่ปรากฏจากการถ่ายทอดก็ล้วนเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โบกมือด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อิ่มเอิบใจไม่แพ้รัฐมนตรีที่เดินเคียงข้าง

แต่ผลกลับลงไปที่ นายเนวิน ชิดชอบ มากกว่า

เป็น นายเนวิน ชิดชอบ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล แห่งพรรคภูมิใจไทย ต่างหากที่เก็บคะแนนสะสมแต้มได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน

หาใช่ “คสช.” หรือ “รัฐบาล” แต่อย่างใด

ผลสะเทือนไม่เพียงแต่จะต้องงดรายการที่สระแก้วกะทันหัน หากแต่การเดินทางไปเยือนสระบุรีทางภาคกลางค่อนไปทางตะวันตกก็เงียบเชียบ

เงียบเชียบเช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวในเรื่อง “ดูด”

แม้จะมีข่าวจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ในการอันเกี่ยวกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย แต่ก็ไม่คึกคักเหมือนกับข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ

ยิ่งปะเข้ากับกรณี นายสมชาย ทองประเสริฐ ยิ่งเป็นหนังคนละม้วนไปเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน