พลันที่ภาพ “ชาวนา ประชารัฐ” ปรากฎอย่างคึกคัก ในการเข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลางทำเนียบรัฐบาลก็ฉายชี้ให้เห็นได้อย่างเด่นชัด

ต่อสถานะของ “พรรคประชารัฐ” ในทางการเมือง

ความเห็นจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ระหว่างร่วมครม.สัญจรไปยังนครสวรรค์ที่ว่า “พรรคพลังประชารัฐยังไม่มี ยังเป็นวุ้นอยู่เลย จะเป็นตัวเมื่อใดนั้นอยู่ที่คนทำ ไม่ใช่ผม ใครปั้น ใครทำ ก็คนนั้น”

กลายเป็นเรื่องของ “ลมปาก” ในแบบ “นักการเมือง”

เพราะเมื่อภาพ “ชาวนา ประชารัฐ” ปรากฎขึ้น การเปล่งเสียง “ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ” จากปากมวลชนกว่า 30,000 คน ที่สนามช้าง อารีนา “บุรีรัมย์”

ก็แทบกลายเป็นเรื่องเด็ก-เด็ก

หากฟังจากปาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประสานเข้ากับปาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เหมือนกับว่าพรรคพลังประชารัฐยังไม่เป็นตัวเป็นตน

แต่หากติดตามบทบาทของ “หลายคน” ก็มิได้เป็นเช่นนั้น

หลายคนในที่นี้สัมผัสผ่านอดีตส.ส.นครราชสีมาคนหนึ่งซึ่งนำเอา 60 รายชื่ออดีตส.ส.ที่แจ้งผ่านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไปยัง “พรรคพลังประชารัฐ”

ประสานกับการเคลื่อนไหว “ดูด” ที่จังหวัดสระบุรี

ก็จะไม่แปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียวที่มีภาพของ “ชาวนา ประชารัฐ” ไปปรากฎตัว ณ ทำเนียบรัฐบาลต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เหมือนที่ นายสกลธี ภัททิยกุลและคณะเคยได้รับเกียรติมาแล้ว

มีความเด่นชัดมากขึ้นเป็นลำดับว่าพรรคที่ต่อสายตรงไปยัง “ทำเนียบรัฐบาล” เพื่อเป็นมือไม้ให้กับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

คือ พรรคพลังประชารัฐ

ไม่เพียงแต่ทิศทางของ นายสกลธี ภัททิยกุล คือ พรรคพลังประชารัฐ ไม่เพียงแต่ทิศทางของ ร.ท.ปรพล อดิเรกสาร คือ พรรคพลังประชารัฐ

หากปลายทางของ 60 อดีตส.ส.ที่แจ้งผ่าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็พรรคพลังประชารัฐ

อย่าได้แปลกใจที่ นายอนุชา นาคาศัย อดีตส.ส.ชัยนาท จะยืนยันหลังเข้าร่วมต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างครม.สัญจร นครสวรรค์ ว่า

เดือนมิถุนายนจะมี “ข่าวใหญ่”

ข่าวใหญ่อันปล่อยออกมาจากอดีตส.ส.ชัยนาท นายอนุชา นาคาศัย จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกเสียจากยืนยันความพร้อมของพรรคพลังประชารัฐ

นี่คือ แต้มต่อที่พรรคพลังประชารัฐเหนือกว่าพรรคอื่น

ก็ในเมื่อคนของพรรคการเมืองนี้สามารถแปร “ทำเนียบรัฐบาล” เป็นเหมือนกองบัญชาการใหญ่ในการดูดคนเข้ามาร่วมอย่างสดสวย งามตา เช่นนี้แล้ว

ยังจะมีพรรคการเมืองอื่นใดกล้าหาญเข้าต่อกร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน