แม้ว่าการก่อเกิดของพรรคพลังประชารัฐตามบทสรุปของผู้เป็นแก่นแกนจะถ่อมตัวว่ายังเสมอเป็นเพียง “วุ้น” มิได้เป็นตัวเป็นตนอย่างเด่นชัด

กระนั้น ข่าวจากพรรคพลังประชารัฐก็มากด้วยความคึกคัก

ไม่เพียงแต่จะมี “ตัวแทน” จากสมาคมชาวนาซึ่งได้รับเชิญจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เดินทางเข้าร่วมงานในทำเนียบรัฐบาลเพื่อพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

พร้อมกับเสื้อสกรีนข้อความ “ชาวนาประชารัฐ”

หากแต่การขยับจากอดีตส.ส.ซึ่งเป็นแหล่งกระจายข่าวบางคนก็ยืนยันจำนวนอดีตส.ส.ที่มีอยู่ในมือไม่ต่ำกว่า 60 คน พร้อมตบเท้าเข้าอยู่ในร่มธงพรรคพลังประชารัฐเมื่อมีความพร้อม

เหมือนกับจะเป็น “ข่าวลือ” แต่ก็เป็นข่าวลืออย่างมี “ตัวตน”

คำว่า “ตัวตน” ในที่นี้สามารถสัมผัสได้ผ่าน “ชาวนาประชารัฐ” ในทำเนียบรัฐบาล สัมผัสได้ผ่าน “รายชื่อ”ที่นำมาแจกจ่ายให้กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์

เมื่อเป็น “ประชารัฐ” ก็ย่อมมองเห็น “พลังประชารัฐ”

ขณะเดียวกัน อดีตส.ส.ที่ขยันในการออกข่าวทุกคนก็รับรู้เห็นหน้าเห็นตาว่าเป็น นายภิรมย์ พลวิเศษ เป็นอดีตส.ส.จังหวัดนครราชสีมา

ยืนยันรายชื่อ 60 อดีตส.ส.ว่าเป็นการแจ้งผ่าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

หลังจากนั้นไม่นาน นายอนุชา นาคาศัย อดีตส.ส.ซึ่งใกล้ชิดกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็เป็นคนหนึ่งที่ร่วมต้อนรับครม.สัญจรที่นครสวรรค์ พร้อมกับกระซิบบอกนักข่าว

“เร็วๆ นี้จะมีข่าวใหญ่”

เท่านั้นแหละข่าวการตบเท้าเข้าพรรคพลังประชารัฐของอดีตส.ส.ที่นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายอนุชา นาคาศัย ก็ดังกระหึ่ม

กระหึ่มจนมีคนไปถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

อย่าได้แปลกใจหากคำของ นายอนุชา นาคาศัย ที่ว่า “เร็วๆ นี้จะมีข่าวใหญ่” ได้รับการคาดหมายละม้ายเหมือนกับกรณีของ นายสนธยา คุณปลื้ม

นั่นก็คือ จะมี “ตำแหน่ง” ทางการเมืองรองรับ

แสดงความมั่นใจว่า การขับเคลื่อนของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มิได้เป็นเรื่องเลื่อนลอย สูญเปล่า หรือไม่มีบำเหน็จรางวัลตอบแทนแต่อย่างใด

อย่างน้อยคนในกลุ่มนี้ก็จะต้องมี “ตำแหน่ง” ติดปลายนวม

จากนี้จึงเห็นได้ว่า น้ำหนักของคสช.จะวางไปยัง “พรรคพลังประชารัฐ” อย่างเป็นด้านหลัก มอบความไว้วางใจให้อย่างเต็มที่

ทำท่าว่าจะเหนือกว่า-พรรครวมพลังประชาชาติไทย

ทำท่าว่าจะเหนือกว่า ไม่ว่าพรรคประชาชนปฏิรูป ไม่ว่าพรรคพลังชาติไทย ไม่ว่าพรรคพลังธรรมใหม่ ก็ตาม

นี่คือกระดานหกทางการเมืองของ “คสช.”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน