พลันที่เห็นท่าทีไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เริ่มมีความแจ่มชัด

ไม่จำเป็นต้องทำ “โพล” เพียงเห็น “พาดหัว” ของสื่อ

ก็จะสะท้อนความรู้สึก “ร่วม” ออกมาโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะมาจากสื่ออันเป็น “กองหนุน” ไม่ว่าจะมาจากสื่ออันเป็น “มืออาชีพ” เห็นตรงกัน

นั่นก็คือ เห็นว่าทั้ง 2 ล้วนออกมา “ปกป้อง”

ปกป้องและสร้างความชอบธรรมให้กับการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มสามมิตร” ปกป้องและสร้างความชอบธรรมให้กับการเคลื่อนไหวของ “พรรคพลังประชารัฐ”

ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน

ความสงสัยที่ว่า “พรรค คสช.” ต้องการสร้างความได้เปรียบให้กับ “เครือข่าย” ของตนก็สัมผัสได้อย่างเห็นเป็นรูปธรรมผ่าน “กลุ่มสามมิตร”

นั่นก็คือ ไฟเขียว ผ่านตลอด

ผ่านมาเรื่อยตั้งแต่กลางรีสอร์ตดัง จังหวัดเลย เมื่อประกาศดูดกลุ่ม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข กระทั่งมาถึงการระดมอดีตส.ส.อดีตส.ว.มากกว่า 100 มาสังสรรค์กันอย่างคึกคัก

ณ คลับ สนามกอล์ฟดัง จังหวัดปทุมธานี

การเปิดห้องในรีสอร์ตสามารถทำได้ แต่เปิดเพื่อ “การดูด” คงยาก การปิดคลับเฮาส์ระดมคนมากว่า 100 สามารถทำได้ แต่บ่งบอกเป้าหมายทาง “การดูด” เช่นนี้คงยาก

แต่พรรคอันเป็นเครือข่าย “คสช.” ทำได้ ไม่ผิดคำสั่ง คสช.

ท่าทีอันไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่นแหละคือธงที่ชูขึ้นสูงเด่น

สะท้อนการรุกทางการเมือง ตรงไปตรงมา

เหมือนกับก่อนหน้านี้แอบไปพบกับนักการเมืองระหว่าง ครม.สัญจรที่สุพรรณบุรี ที่นครราชสีมา และที่สุโขทัย รวมถึงการรุกเข้าไปในสนามกอล์ฟที่นครปฐม

อ้างว่าเป็นการไปเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง

ยิ่งการเคลื่อนไหวเช่นนี้แผ่ออกไปกว้างขวางมากเพียงใด ยิ่งจำแนกแยกแยะนักการเมือง พรรคการเมืองออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด

ว่านักการเมืองใดอยู่ในร่มเงา ว่าพรรคการเมืองใดอยู่ในเครือข่าย

ความฮึกห้าวเหิมหาญเช่นนี้เป็นเรื่องดีมากกว่าเป็นเรื่องเสีย เพราะเท่ากับว่า “คสช.” ได้เปิดหน้าไพ่ที่จะเล่นอย่างเด่นในการเลือกตั้งที่กำลังคืบคลานเข้ามา

เป็นความมั่นใจที่จะเสนอตัวกับ “ประชาชน”

นั่นก็คือ บอกให้ประชาชนรู้ว่า พรรคใดอยู่ในร่มเงาของคสช. นักการเมืองคนใดอยู่ในเครือข่ายของคสช. ยินดีที่จะต่อท่ออำนาจให้กับ คสช.อีกอย่างน้อย 4 ปี

ในที่สุด ประชาชนก็จะจำแนกแยกแยะได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน