แม้ว่าการเปิดตัว นายสุพล ฟองงาม และคณะแห่งจังหวัดอุบลราชธานี จะไม่มี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยืนเรียงอยู่เคียงข้าง
เหมือนกับการปิดตัว นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ที่จังหวัดเลย
กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าการนำคณะอดีตส.ส.และผู้ลงสมัครทั้ง 10 เขตไปรอต้อนรับคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อไปครม.สัญจรที่จังหวัดอุบลราชธานี
ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายสุพล ฟองงาม ไม่เพียงแต่เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยหากแต่ยังเคยเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทย
จึงทรงศักดิ์อัครฐานอย่างยิ่ง
มีความแจ่มชัดอย่างชนิด “แจ้งจางปาง” ว่า นายสุพล ฟองงาม ได้ผนวกตัวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐอย่างไม่ต้องสงสัย
เข้าไปลึกยิ่งกว่าที่เห็น ณ สุโขทัย หรือ ณ นครสวรรค์
เพราะไม่เพียงแต่ นายสุพล ฟองงาม จะกล่าวว่าพร้อมจะไปต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นแขกมาเยือนจังหวัดอุบลราชธานี
ตามบทกลอนที่ว่า ประเพณีไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานย่อมต้อนรับ
หากที่สำคัญมากยิ่งกว่านั้นทางจังหวัดยังได้เชิญ นายสุพล ฟองงาม เข้าร่วมรับรู้โครงการที่จะเสนอเพื่อขออนุมัติจากครม.สัญจรครั้งนี้ด้วย
จึงนอกเหนือจาก นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข จึงนอกเหนือจาก นายจำลอง ครุฑขุนทด ก็มี นายสุพล ฟองงาม ต่อแถวเข้าไปอย่างคึกคัก
3 คนนี้ล้วนเคยเป็น “รัฐมนตรี”
นายสุพล ฟองงาม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจำลอง ครุฑขุนทด เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เป็นรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เท่ากับเป็น “เพชร” ที่จะไปเติมให้ “มงกุฎ”
คล้ายกับเป็นมงกุฎแห่งการสืบทอดอำนาจของคสช.ผ่านการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่ความเป็นจริง คือ เป็นส่วนหนึ่งแห่งพรรคพลังประชารัฐ
ต้องยอมรับว่า “พลังดูด” ของพรรคพลังประชารัฐและกระบวนการของ “กลุ่มสามมิตร” มากด้วยพลานุภาพเป็นอย่างสูง
ส่งผลให้ “เพื่อไทย” อ่อนยวบลงโดยพลัน
ขณะเดียวกัน ก็เสริมเติมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับคสช.ผ่านพรรคพลังประชารัฐอย่างเห็นเด่นชัดเป็นรูปธรรม
การศึกมิหน่ายเล่ห์ยังเดินหน้าต่อไป