คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
การไปทำบุญถวายสังฆทานและไถ่ชีวิต โค กระบือ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่วัดกู้ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
เหมือนกับเป็นการเดินสายตามปกติ
เหมือนเมื่อเดินทางไปยังถ้ำเชตวันทางภาคเหนือ เหมือนเมื่อเดินทางไปยังสำนักสงฆ์บางแห่งในภาคตะวันออกของประเทศ
นั่นก็คือ ต้องการทำบุญ ทำกุศล
กระนั้น หากสังเกต “เครื่องถนิมพิมพาภรณ์” อันพ่วงติดมากับการเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จะสัมผัสได้ในบางความเคลื่อนไหว
1 เป็นการเข้ามาของ “ชาวบ้าน” ขอถ่ายรูปในลักษณะ “เซลฟี่”
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากก็มีเสียงสะท้อนจากชาวบ้านทั้งอย่างเป็นเอกเทศและเป็นเสียงเดียวกันออกมาว่า เศรษฐกิจไม่ดี
เป็นเสียงบ่นทั้งจากชาวบ้านธรรมดา และทั้งจากพ่อค้า แม่ขาย
เสียงบ่นเหล่านี้หากเป็นในสถานการณ์โดยทั่วไปก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ แต่ความน่าสนใจอย่างเป็นพิเศษอยู่ตรงที่
สอดรับกับ “สวนดุสิตโพล” อย่างมิได้นัดหมาย
สวนดุสิตโพลล่าสุดสำรวจระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 2 ธันวาคม ภายใต้หัวข้อ “ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย ณ วันนี้”
อย่างน้อยก็มี 2 คำถาม 2 ประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม
ประเด็น 1 คือ คำถามที่ว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง ปรากฏว่าร้อยละ 78.59 ระบุค่าครองชีพเพราะข้าวของแพง ทำมาหากินลำบาก ประเด็น 1 คือ คำถามที่ว่า สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงยังอยู่เหมือนเดิม ปรากฏว่าร้อยละ 74.16 ระบุสภาพเศรษฐกิจในประเทศ ของแพง ค่าครองชีพสูง
ดำเนินไปเหมือนกับที่ “ชาวบ้าน” สะท้อนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จะว่าเสียงสะท้อนไปยังหูของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเสียงอันมาจากแฟนานุแฟนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อาจจะใช่
แต่ก็ไม่ควรมองข้ามผลสำรวจของ “สวนดุสิตโพล”
ขณะเดียวกัน หากสดับตรับฟังท่าทีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับความเห็นในเรื่องการปรับครม.
เสียงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เน้นไปยัง “ครม.เศรษฐกิจ”
เท่ากับว่า ต่อสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความรู้สึก มีความเห็นตรงกัน
ตรงกันว่าเป็นปัญหา ตรงกันว่าสมควรปรับปรุง
เสียงบ่นว่าและวิพากษ์วิจารณ์ในทางเศรษฐกิจนั้นเหมือนกับเป็นสภาพที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
นั่นก็คือ ยาวนานจากยุคที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี นั่นก็คือ ต่อเนื่องมาถึงยุคที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เหมือนกับเป็นแผ่นเสียงตกร่อง
ทั้งๆ ที่เทเงินเข้าไปไม่ต่ำกว่า 3-4 แสนล้านบาทแล้ว
