ความโกรธแค้นอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ต่อ “จดหมายเปิดผนึก” ของ นายนคร มาฉิม เป็นสภาพที่เข้าใจได้และน่าเห็นใจ

น่าเห็นใจถึงเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องฟ้อง

เพราะชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ที่ นายควง อภัยวงศ์ และ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ร่วมกันจัดตั้งขึ้นนับแต่เดือนเมษายน 2489 เป็นต้นมา

สัมพันธ์กับคำว่า “ประชาธิปไตย” อย่างแนบแน่น

แต่แล้ว “จดหมายเปิดผนึก” ของ นายนคร มาฉิม ก่อให้เกิดรูปของความคิด จิตสำนึกออกมาเสมือนกับว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนร่วมอยู่ใน “ผังล้มประชาธิปไตย”

จึงย่อมเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ยอมไม่ได้

กระนั้น คำถามอันตามมาโดยอัตโนมัติก็คือ มีเพียงแต่ นายนคร มาฉิม เท่านั้นหรือที่สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์

ไม่มีคนอื่น ไม่เคยมีก่อนหน้านี้เลยหรือ

คนอย่าง นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปพรรคพร้อมกับนำเสนอบทสรุปว่า การเลือกตั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ใช้เงินมากกว่าพรรคอื่นเสียอีก

ไม่สร้างความหงุดหงิดให้กับพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือ

ยิ่งกว่านั้น ปรากฏการณ์ที่คนระดับเลขาธิการพรรคชวนพรรคพวกจำนวนหนึ่งภายในพรรคออกมาตั้งม็อบเพื่อยึดอำนาจทำตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์

เป็นเรื่องที่ไม่ทำความเสียหายให้กับพรรคประชาธิปัตย์หรืออย่างไร

การที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ตบเท้ากันออกมาก่อม็อบและร่วมเป่านกหวีดอยู่ใน “กปปส.” เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ควรภูมิใจหรือถือเป็นบทเรียน

หากดูจากท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นความภูมิใจ

เพราะอย่างน้อยบรรดาแกนนำจำนวนหนึ่งก็ตบเท้าคืนกลับและพรรคประชาธิปัตย์ก็อ้าแขนโอบรับเหมือนไม่เคยมีความเสียหายอะไร

บางคนยังออกไปตั้งพรรคใหม่เพื่อชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ยิ่งกว่านั้น คนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ทยอยกันยื่นใบลาออก หากไม่ร่วมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ

กลายเป็นทองเนื้อเดียวกับรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

คล้ายกับว่าการฟ้องร้อง นายนคร มาฉิม เป็นการออกมาปกป้องพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำตัวแปดเปื้อนกับรัฐประหาร

ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ “ผังล้มประชาธิปไตย”

นี่ย่อมเป็นภาระหน้าที่อันมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด อย่างน้อยก็ก่อนที่โรดแม็ปการเลือกตั้งจะเริ่มและการสัประยุทธ์ทางการเมืองจะเข้มข้นยิ่งกว่านี้

ปกป้องพรรคประชาธิปัตย์จึงเท่ากับปกป้อง “ประชาธิปไตย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน