ความเงียบเชียบอันเกิดขึ้นภายในพรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็นความเงียบเชียบที่สามารถเข้าใจได้
ปัจจัยสำคัญเนื่องจากคำแถลงล่าสุดจาก ป.ป.ช.ที่จะเดินหน้าตรวจสอบในคดีอันเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างแฟลตและสถานีตำรวจ
เรื่องนี้สัมพันธ์โดยตรงกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ในเมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องใช้เวลาในการรวบรวมเอกสารหลักฐานและใช้พื้นที่ของเฟซบุ๊กไลฟ์ในการชี้แจงข้อเท็จจริง
4 วัน 4 คืนติดต่อกัน
เวลาที่จะสละให้กับการเดินสายเพื่อเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงลดทอนลงไป
นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เข้าใจได้ไม่เพียงแต่ 1 คดีอันเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างแฟลตและสถานีตำรวจเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในห้วงที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี
หากแต่ 1 มีผลสะเทือนไปถึงพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ไม่ว่าการเดินหน้าของ ป.ป.ช.จะมีมูลฐานมาอย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้เกิดอาการสะดุดสำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทย
หรือไม่ก็ทำให้ทิศทางต้องหันเหออกไป
ยิ่งมีการปล่อยคลิปวิดีโอในการเชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันขจัดบรรดา “ผีดิบ” หรือ “ซอมบี้” ในทางการเมือง
แทนที่จะมองเห็นเป็น “ยิ่งลักษณ์” กลับมองเห็นเป็น “คนอื่น”
กรณีอันเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างแฟลตและสถานีตำรวจในยุคที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและกำกับดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สัมพันธ์กับ ผบ.ตร.และรักษาการผบ.ตร. 2 คน
คนหนึ่ง คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ในสถานะรักษาการผบ.ตร.คือ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ
การพ้นไปของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ สำคัญ
การเข้ามาเพื่อจะเป็นผบ.ตร.และสามารถเป็นได้เพียงรักษาการ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จึงสำคัญ ต่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
กรณีที่ ป.ป.ช.ประกาศเดินหน้าตรวจสอบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงเป็นความละเอียดอ่อนอย่างสูงในทางการเมือง
เป็นเรื่องยาวอย่างชนิดหลายร้อยตอนจบ
แต่ผลสะเทือนโดยฉับพลันก็คือ ความหงุดหงิดอันสำแดงออกอย่างต่อเนื่องจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
และอาการงันชะงักของพรรครวมพลังประชาชาติไทย