เพียงก้าวแรกของการออกจากพรรคเพื่อไทยและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสามมิตร และพรรคพลังประชารัฐ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ก็เจอ “ของแข็ง”
เมื่อออกมาเปิดโปงการตกเขียวทางการเมืองที่ครบุรี เสิงสาง
เพราะว่ารายชื่ออันเป็นเป้าหมายในการเปิดโปงมิได้มาจากพรรคเพื่อไทย ตรงกันข้าม กลับเป็นคนของพรรคภูมิใจไทย
เหมือนกับจะมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยืนทะมื่นอยู่
แต่เมื่อมองเข้าไปอย่างถ้วนถี่ภายในพรรคภูมิใจไทยก็มิได้มีแต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หากแต่ยังมีเงาร่างอันแข็งแกร่งของ นายเนวิน ชิดชอบ อยู่ด้วย
ศึกครั้งนี้ของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ จึงหนัก
ไม่ว่า นายเนวิน ชิดชอบ ไม่ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ว่า นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ณ เบื้องหน้า นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์
ล้วนมิได้เป็นคนแปลกหน้ามาก่อน
ตรงกันข้าม นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย นายเนวิน ชิดชอบ ก็อยู่กับพรรคไทยรักไทยต่อเนื่องมาถึงพรรคพลังประชาชน
ยัง นายศุภชัย ใจสมุทร ก็มิได้เป็นคนหน้าใหม่
ท่านเหล่านี้รู้เช่นเห็นในความเป็นจริงของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ มาอย่างต่อเนื่อง มิได้มีตรงไหนขาดตอนหรือหายไปแม้แต่น้อย
ต้องยอมรับว่า “แรมโบ้” เหนื่อยอย่างแน่นอน
ประเด็นที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ย่อมรู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดีก็คือ สถานการณ์มิได้เกิดขึ้นที่เสิงสางและครบุรี อันเป็นพื้นที่ของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เท่านั้น
ตรงกันข้าม ยังมีที่ “บัวใหญ่” อีกด้วย
ถามว่าสถานการณ์ที่บัวใหญ่คนของพรรคภูมิใจไทยไม่รับรู้หรอกหรือ ยิ่งกว่านั้น คนของพรรคเพื่อไทยไม่เคยรับรู้หรือได้ยินมาก่อนเลยหรือ
โดยเฉพาะ นายโกศล ปัทมะ ก็อยู่ในพื้นที่
จึงไม่เพียงแต่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ จะประสบกับพลังอันโต้กลับมาจากพรรคภูมิใจไทย หากแต่เป็นไปได้ว่าข้อมูลจากพรรคเพื่อไทยก็จะค่อยๆ ทยอยออกมา
เรียงล่ายส้าย ณ เบื้องหน้า “แรมโบ้”
การศึกมิหน่ายเล่ห์ตามบทสรุปของท่านซุนวูอย่างแน่นอน แต่กล่าวสำหรับการศึกในพื้นที่นครราชสีมา ยิ่งมากด้วยความสลับซับซ้อน
เพราะว่าเค้กก้อนนี้มีอยู่ถึง 14 เขตเลือกตั้ง
ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคชาติพัฒนา ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ล้วนแสดงความต้องการทั้งสิ้น
ไส้กี่ขดต่อกี่ขด จึงย่อมถูกสาวออกมาอย่างไม่ขาดสาย