ยิ่งติดตามการเคลื่อนไหวทางการเมืองในจังหวัดนครราชสีมา ยิ่งมองเห็นเงื่อนงำ ล้ำลึกที่ดำรงอยู่ระหว่าง พรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทย

ถามว่าทำไมจึงมีแต่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ คนเดียว

ถามว่าทำไม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือแม้กระทั่ง นายอนุชา นาคาศัย อันถือว่าเป็นแกนนำสำคัญจึงเฉย

ยิ่ง นายภิรมย์ พลวิเศษ ยิ่งเฉย

ทำไมไม่มีใครใน “กลุ่มสามมิตร” ออกมาหนุนหรือให้กำลังใจบทบาทในการดับเครื่องชนของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เลยแม้แต่คนเดียว

หรือว่านี่เท่ากับเป็นการลอยแพ “แรมโบ้”

หากดูจากรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นที่ ครบุรี เสิงสาง ไม่ว่าจะเป็นที่บัวใหญ่ ต้องยอมรับว่าเครือข่ายของพรรคภูมิใจไทยไม่ธรรมดา

ไม่เพียงแต่จะมี “เสี่ยพันล้าน” หากยังเกาะติด “อปท.”

เท่าที่ข้อมูลปล่อยมาจาก นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เท่าที่มีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอประสานกับทหาร

ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยเอาจริงใน “โคราช”

จึงเห็นได้จากหลังปล่อยให้ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม กับ นายศุภชัย ใจสมุทร ออกโรง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็ไม่ยอมเฉย

ปลายหอกพุ่งเข้าใส่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

ต้องยอมรับว่า การที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ออกโรงเพราะว่ามีความพยายามเจาะเข้าไปในพื้นที่เสิงสาง ครบุรี อันเป็นพื้นที่ของตน

แต่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ก็คือ “แรมโบ้”

ไม่ว่าเมื่อเคลื่อนไหวร่วมกับนปก. ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวร่วมนปช. บทบาทของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ มักจะดำเนินไปในแบบเอกเทศไม่ขึ้นต่อ

ครานี้ก็เล่นบทลุยเดี่ยวอีกเช่นกัน

หากไม่เป็นการลุยเดี่ยว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ต้องรู้ หรืออย่างน้อย นายภิรมย์ พลวิเศษ ก็ต้องรู้ แต่สภาพกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนแรกก็ไปสุโขทัย คนหลังก็ไปชัยภูมิ

ไม่ยอมหือ ไม่ยอมอือไปกับ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปมองบทบาทของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ไม่ว่า นายโกศล ปัทมะ ไม่ว่า นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

ล้วนเล่นบทขึ้นไปอยู่บนภู

การขึ้นไปอยู่บนภูครั้งนี้ก็เพื่อจะเฝ้าดูบทบาทของกลุ่มสามมิตร พรรคพลังประชารัฐ เล่นเอาเถิดกับพรรคภูมิใจไทย

สมรภูมิแห่งการสัประยุทธ์คือ “พลังโคราช”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน