หากอ่านอุณหภูมิความรู้สึกต่อคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 ผ่านความรู้สึกไม่ว่าจะจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะจากพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะจากพรรคประชาธิปัตย์
หรือแม้กระทั่ง “ว่าที่” พรรคอนาคตใหม่ น้องใหม่ ไฟแรง
1 ตั้งคำถามต่อคสช.ว่าคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 เป็นการคลายหรือว่าเพิ่ม “ล็อก” เข้าไปอีกให้กับพรรคการเมือง
1 ตั้งความสงสัยต่อกกต.ว่าจะทำอย่างไร
เป็นอันคาดหมายได้เลยว่า การนัดประชุมร่วมระหว่างกกต.กับพรรคการเมืองในวันที่ 28 กันยายน จะมากด้วยความร้อนแรงเป็นอย่างสูง
เป็นความร้อนแรงที่พุ่งเป้าเข้าใส่ “คสช.”
ความข้องใจเป็นอย่างสูงอันมาจาก นายจาตุรนต์ ฉายแสง เมื่อประสานเข้ากับความข้องใจอันมาจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา และ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ตลอดจน นายไกลก้อง ไวทยการ
ล้วนรวมศูนย์ไปยังเรื่อง “โซเชี่ยล มีเดีย”
ความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากอยู่ที่ประเด็นว่าเนื้อหาอย่างไรที่จะเรียกว่าเป็น “การหาเสียง” จะแยกออกได้อย่างไรระหว่าง “ความเห็น” กับ “การหาเสียง”
ความข้องใจนี้มี “บทเรียน” มาแล้ว
เป็นบทเรียนที่คสช.สั่งการให้ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าสกัดขัดขวางการแถลงข่าวของบางพรรคการเมือง เป็นบทเรียนที่มีการแจ้งความกล่าวโทษผ่านพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
เชื่อได้เลยว่า กกต.ต้องหูฉ่าอย่างแน่นอน
คำถามอันมาไม่ว่าจะจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะจากพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะจากพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ว่าจะ “ว่าที่” พรรคอนาคตใหม่
รวมศูนย์ไปยังเหตุอะไรทำให้คสช.เกิดความกลัว
เกิดเพราะรับรู้ไม่ได้ว่ากระแสของโซเชี่ยล มีเดีย ได้ไหลบ่าเข้ามาในสังคมไทยด้วยอัตราเร่งที่ร้อนแรงเป็นอย่างสูง
หรือเกิดขึ้นเพราะไม่มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้
หากเนื้อหาในคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 ขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคมไทย ปฏิกิริยาและผลสะเทือนจะตามอย่างกว้างไกล
และทุกปลายหอกจะพุ่งเข้าใส่ “คสช.” เป็นจุดเดียว
ไม่ว่าคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ไม่ว่าคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 อาจถือได้ว่าเป็นมาตรการรุกในทางการเมือง
แต่แนวโน้มที่แสดงออกที่คิดว่า “รุก” อาจไม่ใช่
เพราะหากเป็นการรุกจริงเมื่อมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ออกมาแล้วเหตุใดจึงต้องมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 ตามมา
สะท้อนให้เห็นว่าที่คิดว่า “รุก” อาจกลายเป็น “รับ”