วิเคราะห์การเมือง

พลันที่ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ออกมายืนยันในเรื่อง “ลายเซ็น” พลันที่ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ออกมายืนยันในเรื่อง “ลายเซ็น”

ลายเซ็นซึ่งจะนำไปสู่ “การยึดทรัพย์”

สะท้อนให้เห็นว่า ทั้ง นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ทั้ง น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ต้องได้รับการค้ำประกันในอำนาจและการมอบหมายที่ได้มาอย่างแข็งขัน

ทั้งยังบอกด้วยว่า มิใช่เพราะ “มาตรา 44”

นั่นหมายความว่า นางอภิรดี ตันตราภรณ์ กระทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร กระทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

กระทำโดยไม่ละล้าละลัง หรือ ลังเลอีกแล้ว

ทั้งหมดนี้เท่ากับเป็นการดึง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายภูมิ สาระผล และคณะเข้าสู่กระบวนการของการชดใช้ค่าเสียหาย หรือเรียกอย่างรวบรัดว่า “ยึดทรัพย์”

ทั้งหมดนี้เนื่องมาจาก “โครงการรับจำนำข้าว”
…………….
จากนี้จึงเด่นชัดอย่างยิ่งว่า “โครงการรับจำนำข้าว” นี้เองคือ มาตรการเฉียบขาดที่จะนำไปสู่การทำให้รัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่อยู่ในวังวนเดียวกันกับรัฐประหารเดือนกันยายน 2549

นั่นก็คือ เป็นรัฐประหารที่ไม่ “เสียของ”

มาตรการที่รุกคืบไปยัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เท่ากับเป็นสินค้าตัวอย่างเพื่อสร้างความมั่นใจในการรุกคืบไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

กรณี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อาจมี นายภูมิ สาระผล เป็น “ตัวร่วม”

ขณะเดียวกัน กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็น “ตัวร่วม” อันทรงความหมายเป็นอย่างสูง หลังจากที่ศาลพิพากษาจำคุก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ไปแล้วเป็นเวลา 1 ปี เหมือนกับเป็นตัวอย่าง

ถามว่าบทบาทของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี คืออะไร
…………..
โดยรูปแห่งคดี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ถูกฟ้องร้องและกล่าวโทษจากบทบาทในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย

แต่อย่าลืมบทบาทของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน

นั่นก็คือ บทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประสานเข้ากับบทบาทในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน

เห็นชื่อ “กระทรวงการคลัง” ก็คงจะได้ “กลิ่น”

เพราะว่าบทบาทที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ตกเป็นเป้านอกจากจะเป็นรองนายกรัฐมนตรีแล้วยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

เพียงแต่ในรัฐบาล “พรรคเพื่อไทย” เท่านั้น
………….
กระบวนการรุกไล่ในทางการเมืองซึ่งดำเนินไปเหมือนกับ “ลูกระนาด” สืบเนื่องเป็นทอดๆ เช่นนี้

ยืนยันว่าการจัดการไม่เพียงแต่จากยุคของ “พรรคไทยรักไทย” หากแต่ยังต่อเนื่องมายังยุคของ “พรรคพลังประชาชน” และจอดป้ายมาถึงยุคของ “พรรคเพื่อไทย”

ตั้งแต่ “นายกรัฐมนตรี” กระทั่ง “รองนายกรัฐมนตรี”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน