คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ยิ่งผ่านไปนานวัน ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่า กระบวนการในการจัดการกับปัญหา พระเทพญาณมหามุนี และวัดพระธรรมกาย มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด

คำว่า “ถูกต้อง” ในที่นี้มิได้หมายความเพียงในกรอบแห่ง “กฎหมาย”

ที่สำคัญอย่างยิ่งยังอยู่ที่ว่า เมื่อนำเอาหลักแห่งกฎหมายหรือแนวทาง “นิติศาสตร์” มาเป็น เครื่องมือแล้ว “ผล” ดำเนินไปอย่างไร

“ผล” ในที่นี้วัดจาก “ประสิทธิภาพ”

ที่ต้องสำรวจอย่างเข้มงวดก็คือ กระบวนการดำเนินการในเดือนมิถุนายน 2559 เป็นอย่างไร กระบวนการดำเนินการในเดือนธันวาคม 2559 เป็นอย่างไร

นั่นก็คือ ผลอันมาจาก “หมายจับ”

นั่นก็คือ ผลอันมาจาก “หมายค้น” ว่าสามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายตาม “หมายจับ” ได้ครบถ้วนและอย่างแท้จริงหรือไม่

คำถามนี้ “สังคม” มีคำตอบ

ไม่จำเป็นที่เราๆ ท่านๆ ซึ่งเป็นคนวงนอกจะไปตัดสิน ประการสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ “ดีเอสไอ” และ “ตำรวจ” ซึ่งร่วมกันปฏิบัติการน่าจะมีคำตอบ

เพราะหากไม่มี “คำตอบ” ก็คงจะมีการขยับขับเคลื่อน

คำตอบต่อคำถาม 1 ก็คือ การขยายกรอบและพรมแดนแห่งคดีความจากเพียง 1 คดีไปยัง 178 คดีเป็นผลดีมากน้อยเพียงใด

อาจสร้างความชอบธรรมในกระบวนการทางการปฏิบัติ

กระนั้น ปมเงื่อน 1 ซึ่งสำคัญก็คือ เป็นรูปคดีซึ่งมีความสำคัญ มีความจำเป็น และมีผลต่อผู้ถูกกล่าวหาอย่างไร แค่ไหน สามารถแยกจำแนกเรื่องหลัก เรื่องรอง แก่นแกน และเสมอเป็นเพียงกระพี้ออกจากกันได้หรือไม่

ยิ่งกว่านั้น หากทำให้ได้ “หมายจับ” แล้วจะสามารถ “จับกุม” ได้อย่างไร

ปรากฏการณ์ 1 ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ยิ่งเจาะลึกลงไปในรายละเอียด จะกลับเป็นเรื่องที่ฟ้องให้เห็นในประสิทธิภาพของ “ดีเอสไอ” และของ “ตำรวจ”

นั่นก็คือ เรื่องการหายตัวไปของ 2 ผู้ต้องหา

ตามข่าวที่ร่ำลือกันอย่างวิลิศมาหรา นายองอาจ ธรรมนิทา ปรากฏตัวที่ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่ พระเทพญาณมหามุนี ไม่มีใครระบุได้ว่าอยู่ที่ใด

มีเพียง นพ.มโน เลาหวณิช บอกว่าหลบหนีไปกับ “คอนเทนเนอร์”

เรื่องนี้ไม่ว่า “ดีเอสไอ” ไม่ว่า “ตำรวจ” ล้วนไม่สามารถยืนยันได้ ไม่ว่าการข่าวในต่างประเทศ ไม่ว่าการข่าวภายในประเทศ

เมื่อ “การข่าว” ไม่แม่นยำ การวางแผน “ยุทธการ” ก็มีจุดอ่อน ช่องโหว่

ยิ่งปล่อยให้กรณีวัดพระธรรมกายทอดเวลาไปยาวนานเพียงใด ยิ่งจะกลายเป็นผลเสียมากเพียงนั้น

1 เป็นผลเสียต่อการขอ “หมายค้น” เพื่อบรรลุ “หมายจับ” 1 เป็นผลเสียต่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการลงมือปฏิบัติของเจ้าหน้าที่

เป็นผลเสียขณะที่ 2 ผู้ต้องหายัง “ลอยนวล”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน