คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
สถานการณ์ “ปรองดอง” แตกต่างไปจากสถานการณ์ “ประชามติ” จะรับ หรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในห้วงก่อนเดือนสิงหาคม 2559
เรื่องนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ รับรู้ได้อย่างลึกซึ้ง
เพราะเพียงแต่เขาและพลพรรคแห่ง “นปช.” ประกาศจัดตั้ง “ศูนย์ปราบโกงประชามติ” ก็ได้รับการมาเยือนของทหารและตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ
จากนั้น สถานีโทรทัศน์ “พีซทีวี” ก็ต้อง “จอดำ”
ไม่เพียงแต่เท่านั้น บรรดาแกนนำ “นปช.” ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัดก็ต้องเดินขึ้นศาลกันแทบไม่เว้นแต่ละวัน
เพราะพิษจาก “ประชามติ” เพราะคำสั่งจาก “คสช.”
ไม่เพียงแต่บรรดาแกนนำ “นปช.” เท่านั้นที่ต้องประสบ หากแม้กระทั่ง นายวัฒนา เมืองสุข ยังต้องไปนอนในมทบ.11 ในเดือนเมษายน 2559
แต่พอมาถึงสถานการณ์ “ปรองดอง กลับไม่เป็นเช่นนั้น
หากมองอย่างเปรียบเทียบระหว่างสถานการณ์ “ประชามติ” กับสถานการณ์ “ปรองดอง” มีความแตกต่างราวฟ้ากับเหว
ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้ ประกาศและคำสั่งคสช.ก็ยังมีอยู่
แต่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ สามารถร่วมกับสถานีโทรทัศน์พีซทีวี เชิญ อาจารย์โคทม อารียา ออกมาพูดถึงเรื่อง “ปรองดองสมานฉันท์”
เจื้อยแจ้วโดยไม่ต้องกลัว “จอดำ”
ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ไม่ว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่ว่า นายวัฒนา เมืองสุข ต่างออกมาเสนอแนะในเรื่อง “ปรองดอง” อย่างเข้มข้น โดยไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะเพิ่มจำนวนคดีและต้องเดินเข้าไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร
หรือเป็นเพราะอยู่ในบรรยากาศแห่ง “ปรองดอง”
ต้องยอมรับว่ากระบวนท่าอันมาจาก 1 คสช. และ 1 รัฐบาลสะท้อนความแตกต่างอย่างเด่นชัดจากที่เคยปฏิบัติในห้วงแห่งการ “ประชามติ” เมื่อเดือนสิงหาคม 2559
ไม่ว่ามองผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีความอดทนเป็นอย่างสูง แม้ว่าน้ำเสียงอันมาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายถาวร เสนเนียม จะค่อนข้างหงุดหงิด
หงุดหงิดต่อข้อเสนอในเรื่อง “ลงนาม” ผ่าน “เอ็มโอยู”
บรรดานายทหารฝ่ายเสนาธิการทหารคสช.ต่างประจำอยู่ใน “กองกำลังรักษาความสงบ” ด้วยความเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องออกมาสนธิกำลังกับตำรวจและฝ่ายปกครอง
ยังเป็นคสช.คนเดิม แต่ท่วงทำนอง “เปลี่ยนไป”
ถ้าใครที่ติดตรึงอยู่กับความเคยชินเก่าๆ ย่อมไม่คุ้นกับแต่ละกระบวนท่าที่แปรเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน
คำตอบอาจอยู่ที่เดือนมกราคม คำตอบอาจอยู่ที่เป็นปี 2560 ซึ่งเท่ากับเหยียบบาทก้าวเข้าสู่พรมแดนใหม่แห่ง “โรดแม็ป” ที่จะต้องมี “การเลือกตั้ง” อย่างแน่นอนในอีกไม่นาน
กระบวนท่าปลด “ล็อก” เพื่อขานรับ “ประชาธิปไตย” จึงเริ่มขึ้น
