วิเคราะห์การเมือง : จุดเด่น การเมือง จาก สมศักดิ์ เทพสุทิน กับวันชัย สอนศิริ
วิเคราะห์การเมือง : จุดเด่น การเมือง จาก สมศักดิ์ เทพสุทิน กับวันชัย สอนศิริ การปรากฏขึ้นของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ต่อรัฐธรรมนูญ การปรากฏขึ้นของ นายวันชัย สอนศิริ ต่อรัฐธรรมนูญ มีคุณูปการเป็นอย่างสูง
ทำให้บังเกิดอาการ “ตาสว่าง” กันถ้วนหน้า
ต้องยอมรับว่าการปล่อยประโยคสุดเท่ที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ในที่ประชุมเปิดตัว “กลุ่มสามมิตร” ของพรรคพลังประชารัฐ
ส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูง
และก็ต้องยอมรับว่า การบรรยายและยืนยันบทบาทของตนเองในการตั้งคำถามอันนำไปสู่การให้อำนาจ 250 ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีโดย นายวันชัย สอนศิริ
เท่ากับแสดงบทเป็น “อรรถกถาจารย์” ให้กับ “รัฐธรรมนูญ”
ต้องยอมรับว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พูดในนามของพรรคพลังประชารัฐ ชัดถ้อยชัดคำผ่านคำที่ว่า “พวกเรา”
ในเมื่อ “พวกเรา” ในเทศะแห่งนั้นคือ “พรรคพลัง ประชารัฐ”
คล้ายกับว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะให้การยกย่องและแสดงความขอบคุณต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอันมี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน
แต่ก็ต้องยอมรับต่อบทบาทของ “สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ”
และก็ต้องยอมรับบทบาทของ นายวันชัย สอนศิริ ซึ่งแม้มิได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติแต่ก็เคยเป็นสปช.และสปท. และเข้าไปนั่งอยู่ในฐานะเป็น “กรรมาธิการ”
กล่าวโดยสรุป ทั้งหมดย่อมเป็นบทบาท “แม่น้ำ 5 สาย”
ความหฤหรรษ์จากคำพูดไม่ว่าจะเป็นของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ว่าจะเป็นของ นายวันชัย สอนศิริ ก็คือการชี้ให้เห็นกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ
เริ่มจาก “รัฐประหาร” ตามมาด้วย “การร่างรัฐธรรมนูญ”
เมื่อพรรคพลังประชารัฐก่อรูปขึ้นนโยบาย “ประชารัฐ” โดยรัฐบาลคสช.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ความต่อเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคสช.กับพรรคพลังประชารัฐก็ปรากฏ
ปรากฏโดยคำของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แจ่มชัดและสัมผัสได้จาก “รูปธรรม” อัน นายวันชัย สอนศิริ อรรถาธิบายให้เห็นภาพและความสัมพันธ์โดยตลอด
คำตอบก็คือ ความปรารถนาในการสืบทอด “อำนาจ”
ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาชาติ ไม่ว่าพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ว่าพรรคเพื่อชาติ หรือแม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์
สมควรขอบคุณบุคคล 2 คนที่ออกมาพูดถึง “รัฐธรรมนูญ”
1 คือ นายวันชัย สอนศิริ ซึ่งอยู่ใน “แม่น้ำ 5 สาย” มาแต่ต้น และ 1 คือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งอาสามาทำให้บทบัญญัติของ “รัฐธรรมนูญ” ปรากฏเป็นจริง
เป็นจริงตามความปรารถนาของ “คณะรัฐประหาร”