วิเคราะห์การเมือง : ราก การเมือง ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน จาก “กิจสังคม”
วิเคราะห์การเมือง : ราก การเมือง ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน จาก “กิจสังคม” – ไม่ว่าจะบนเวทีปราศรัยที่หนองจอก กทม. ไม่ว่าจะเป็นบนเวทีปราศรัยที่นครปฐม ไม่ว่าจะบนเวทีปราศรัยที่พิจิตร พรรคพลังประชารัฐมีความแจ่มชัด
แจ่มชัดในการชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ความจริง เพียงเห็นชื่อพรรค เพียงเห็นการผลักดัน 4 รัฐมนตรีจากภายในทำเนียบรัฐบาลเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ก็พอ อ่านออก
อ่านออกว่าทิศทางของพรรคพลังประชารัฐจะดำเนินไปอย่างไร
กระนั้น เมื่อความเชื่อนี้ได้รับการยืนยันอย่างเป็นระบบบนเวทีปราศรัยจากส่วนกลางในกทม.ไปยังภาคกลางและภาคเหนือตอนบนก็เท่ากับเป็นการรับรอง อย่างเป็นทางการ
เลือกพรรคพลังประชารัฐจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การตัดสินใจของพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้มิได้ต่างคนต่างพูดหากแต่น่าเชื่อว่าจะเป็นหลักการที่คณะกรรมการเฉพาะกิจรณรงค์หาเสียงจะต้องเป็นคนเผยแพร่ออกไป
เพราะคนที่แข็งขันในเรื่องนี้คือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
นี่จึงเป็นบาทก้าวที่ 2 ของพรรคพลังประชารัฐที่มอบความไว้วางใจให้กับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และคณะทำงานจาก “กลุ่มสามมิตร”
เท่ากับผลักดันให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น “กองหน้า”
เท่ากับมอบอนาคตของพรรคพลังประชารัฐ มอบอนาคตของการสืบทอดอำนาจโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านฝีมือและความสามารถของใคร
นั่นก็คือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
หากดูภูมิหลังของครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมาก็จะมองเห็น “แวว” บางอย่างในทางการเมือง
ทำไมจึงต้องเป็น 4 รัฐมนตรี 4 ยอดกุมาร
ต้องยอมรับว่า ภายใน 4 ยอดกุมารนั้นมีบางคนเคยทำงานกับพรรคไทยรักไทย เคยอยู่ภายใต้ร่มธงของ นายทักษิณ ชินวัตร
นี่เป็นคุณสมบัติเหมือนกับแกนนำ “กลุ่มสามมิตร”
ไม่ว่าจะเป็น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ว่าจะเป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ล้วนมีฐานะตำแหน่งและทำงานระดับนำในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
เท่ากับดึงเอา “หอกข้างแคร่” ย้อนกลับไปยัง “ไทยรักไทย”
ถามว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สะสมความจัดเจนในทางการเมืองมาอย่างไร มาจากพรรคไทยรักไทย หรือมาจากพรรคกิจสังคมกันแน่
เมื่อเอ่ยถึงพรรคกิจสังคมมักนึกถึงนาม ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
ถามว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เรียนรู้และเก็บรับเอาความจัดเจนทางการเมืองมาจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หรือ พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา กระนั้นหรือ
มิใช่หรอก หากแต่เป็นนายมนตรี พงษ์พานิช มากกว่า