คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ผลการสำรวจความเห็นของประชาชนของ “สวนดุสิต โพล” ที่ออกมายืนยันว่าร้อยละ 76.99 ของการตอบไม่เชื่อข่าวจะมีการลอบปองร้าย
น่าตื่นตา น่าตื่นใจ
น่าตื่นตาเพราะว่าข่าวการลอบปองร้ายนั้นพุ่งเข้าใส่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา พุ่งเข้าใส่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
2 คนถือว่าเป็นบุคคลระดับ “ยอด” ของ “คสช.”
น่าตื่นใจเพราะเท่ากับยืนยันว่า อำนาจและความแข็งแกร่งของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงอยู่อย่างมั่นคง มากด้วยเสถียรภาพ
ยากเป็นอย่างยิ่งที่ใครจะบังอาจ “ปองร้าย” ได้
ขณะเดียวกัน ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นหัวข้อที่ยกขึ้นมาในการสำรวจคือ “ข่าวลือ ข่าวปล่อย ในสายตาคนไทย”
เมื่อเป็นข่าวลือ ข่าวปล่อยเสียแล้วใครจะเชื่อ
กระนั้น ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้นก็คือ กระบวนการเกิดขึ้นของข่าวอย่างที่หนังสือพิมพ์เรียกว่า “ลอบสังหาร” ปรากฏขึ้นได้อย่างไร
ต้องยอมรับว่ามาจาก “คสช.” และ “รัฐบาล”
เป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างหากที่เปิดเผย “ข่าว” นี้กับสื่อมวลชน โดยไม่มีใครถาม แต่อยู่ๆ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เล่าเอง
เป็นการบอกในลักษณะว่ามี “การขู่ฆ่า”
ต่อมาข่าวจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ได้รับการยืนยันด้วยแหล่งข่าวจากกองทัพบก ประสานเข้ากับโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และล่าสุดเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติก็ขยายความให้กระจ่างมากยิ่งขึ้นว่าเป็นการขู่ฆ่าผ่านโซเชี่ยล มีเดีย
เรื่องนี้จึงครบสมบูรณ์ในกระบวนการข่าวลือ ข่าวปล่อย
การตั้งชื่อหัวข้อการสำรวจที่ว่า “ข่าวลือ ข่าวปล่อย ในสายตาคนไทย” โดย “สวนดุสิต โพล” จึงเท่ากับเป็นการชี้นำอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อเป็นข่าวลือ ข่าวปล่อยเสียแล้วใครไหนเล่าจะเชื่อ
จึงไม่แปลกที่ผลจะออกมาว่า ร้อยละ 76.99 ไม่เชื่อข่าวจะมีการลอบปองร้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เหตุผล อาจเป็นการปล่อยข่าวสร้างกระแส ไม่น่าจะรุนแรงถึงขั้นเอาชีวิต
แน่นอน ภายในกระบวนการปล่อยข่าวย่อมมีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่ม 1 คือกลุ่มที่ขู่แสดงความอาฆาตผ่านโซเชี่ยล มีเดีย และกลุ่ม 1 คือกลุ่มที่นำเอาข่าวในโลกออนไลน์มากระจายผ่านหนังสือพิมพ์
ทั้งหมดล้วนอยู่ในเครือข่าย ข่าวลือ ข่าวปล่อย
ไม่ว่าการปล่อยข่าว “ลอบสังหาร” จะมีเป้าหมายในทางการเมืองอย่างไร แต่ผลที่ตามมาเกิดขึ้นแน่นอน
อย่างน้อยนี่ก็เป็นการปล่อยข่าว “ลอบสังหาร” ผ่านโลกออนไลน์ ขณะเดียวกัน การนำข่าวลอบสังหารผ่าน “ออนไลน์” มากระจายต่อก็เท่ากับต้องการกระพือและสร้างความสำคัญ
การเกิดขึ้นและจบลงของ “ข่าวลือ” นี้จึงมีวงรอบสั้นเป็นอย่างยิ่ง