เพลง หนักแผ่นดิน อนิจจัง ของ การเลือกตั้ง กับ การเมืองไทย : วิเคราะห์การเมือง
เพลง หนักแผ่นดิน – ในประวัติศาสตร์การเมืองยุคใกล้ของไทยมีบทเพลง “หนักแผ่นดิน” ไม่ว่าจะมาจาก สันติ ลุนเผ่ ไม่ว่าจะมาจาก ศิริจันทร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ได้เข้าไปมีบทบาท “ร่วม” ด้วยอย่างทรงความหมาย
1 ประวัติศาสตร์ของรัฐประหารนองเลือดเมื่อเดือนตุลาคม 2519
1 ประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวอันเท่ากับเป็นการปูทางและสร้างเงื่อนไขให้กับรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เพราะเป็นรัฐประหารอันมาพร้อมกับบทเพลง “หนักแผ่นดิน”
ความหมายก็คือ การเคลื่อนไหวในห้วงปลายปี 2556 กับ ต้นปี 2557 ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการรื้อความทรงจำจากบทเพลง “หนักแผ่นดิน” อันเคยมีบทบาทเมื่อปี 2519
เช่นเดียวกับสถานการณ์เดือนกุมภาพันธ์ 2562 กับบทเพลง “หนักแผ่นดิน”
ความน่าสนใจเป็นอย่างสูงของสถานการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่คล้ายกับสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2519 อยู่ที่การแยกขั้วแตกฝ่าย
เมื่อเดือนตุลาคม 2519 เป็นเรื่องของ “คอมมิวนิสต์”
มีการปลุกระดมให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษามีความสัมพันธ์กับพวกคอมมิวนิสต์ มองว่าเป็นพวกคบคิดกับคอมมิวนิสต์ต่างชาติ
จึงสามารถจับ “แขวนคอ” จึงสามารถ “เผานั่งยาง”
รู้สึกแปลกหรือไม่ที่บรรดานักเคลื่อนไหวในนาม “มวลมหาประชาชน” ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็รู้สึกแบบเดียวกับก่อนเหตุการณ์เดือนตุลาคม 2519
พลันที่มีการแสดงความรู้สึกต่อการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ต้องการปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม
ด้วยการเสนอแนะให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”
บรรดาคนที่ผ่านสถานการณ์ก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 อาจจะกระสาต่อกลิ่นได้ แต่คนที่ผ่านสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2519 จะสยดสยองมากกว่า
ที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อก็คือ
คนที่เคยผ่านสถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 และเข้าร่วมกับสถานการณ์เดือนพฤษภาคม 2557 กลับมีสายสัมพันธ์อันดีกับบทเพลง “หนักแผ่นดิน”
และอยากได้ยินอีกในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ไม่ว่าในที่สุดแล้วผลสะเทือนจากบทเพลง “หนักแผ่นดิน” ครั้งใหม่นี้จะนำไปสู่สถานการณ์ใดในทางการเมือง แต่ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ อยู่ในบรรยากาศแห่ง “การเลือกตั้ง”
หากพ้นเดือนกุมภาพันธ์ก็เข้าสู่เดือนมีนาคม
ความร้อนแรงอันมาพร้อมกับบทเพลง “หนักแผ่นดิน” สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองไทยยังก้าวไปไม่ถึงหนวันย้อนกลับไปยังเดือนตุลาคม 2519 อีกครั้ง
คำถามที่ตามมาก็คือ จะได้ “เลือกตั้ง” หรือไม่หนอ