กลิ่นการเมือง กรุ่นกลิ่นรัฐประหาร กับ“หนักแผ่นดิน”
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
กลิ่นการเมือง กรุ่นกลิ่นรัฐประหาร กับ“หนักแผ่นดิน” – ไม่ว่าการนำเสนอวลีที่ว่า “อ้ายตัวร้าย” ขึ้นมาบนเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรครวมพลังประชาชาติไทยในพื้นที่เขตบึงกุ่ม ไม่ว่าการนำเสนอบทเพลง “หนักแผ่นดิน” ของนายทหารใหญ่
2 วลีนี้เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน
เกี่ยวข้องเพราะล้วนมีเป้าหมายในการเล่นงาน และขจัดศัตรูอันถือว่าเป็นเป้าหมายในทางการเมือง และน่าสนใจก็ตรงที่เมื่อสาวไปถึงรากฐานกลับมาจากพวกเดียวกัน
หากศึกษา “องค์ประกอบ” ของพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็จะได้คำตอบ
หากศึกษาจากกระบวนการคิด กระบวนการอันก่อให้เกิดอาการถวิลหาเพลง “หนักแผ่นดิน” ของนายทหารใหญ่ก็จะต้องร้องอ๋อ
เพราะศัตรูหรือเป้าของท่านเหล่านี้ล้วนไม่ต่างกัน
ถามว่าองค์ประกอบของพรรครวมพลังประชาชาติไทยมาจากไหนและมาอย่างไรจึงนำไปสู่บทสรุปกำลังต่อสู้อยู่กับพวก “อ้ายตัวร้าย”
ไม่ว่าจะเป็นอ้ายตัวร้าย “เก่า” ไม่ว่าจะเป็นอ้ายตัวร้าย “ใหม่”
คำตอบ 1 พวกเขามาจากที่เคยเคลื่อนไหวผ่านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
คำตอบ 1 พวกเขามาจากกปปส.ที่เคยเคลื่อนไหวก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
คำตอบ 1 พวกเขามี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นตัวประสานเป็นตัวเชื่อมกระทั่งสามารถจัดตั้งเป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทยขึ้น
ขณะเดียวกัน กล่าวสำหรับนายทหารใหญ่ที่ทำหน้าที่เชิญชวนให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” ถามว่าเหตุปัจจัยทำให้ต้องเรียกร้องอย่างนั้น
คำตอบ 1 เพราะข้อเสนออันมาจากพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่
คำตอบ 1 เป็นข้อเสนอที่ให้มีการปรับลดทั้งงบประมาณและโครงสร้างของกองทัพของกระทรวงกลาโหมอย่างเป็นระบบที่สุดเท่าที่เคยปรากฏ
นั่นเพราะเห็นว่าต้นตอของปัญหามาจาก “รัฐประหาร”
นั่นเพราะสรุปว่า หากไม่มีการปฏิรูปหรือปรับโครงสร้างกองทัพหรือกระทรวงกลาโหมแล้ว การเมืองไทยก็จะวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ไม่มีจบสิ้น
เลือกตั้ง วุ่นวาย รัฐประหาร เลือกตั้ง วุ่นวาย รัฐประหาร
เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนการเลือกตั้งก็จะเข้ามาถึง นายทหารใหญ่กับพรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงเกิดบทสรุปร่วมและใกล้เคียงกัน
เป็น “อ้ายตัวร้าย” เป็นพวก “หนักแผ่นดิน”
กลิ่นของรัฐประหารเมื่อเดือนตุลาคม 2519 กลิ่นของรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จึงโชยเข้ามาและรุนแรงมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
เพียงแต่ว่า “คสช.” จะยินยอมให้เกิดขึ้นหรือไม่ เท่านั้น