หนักแผ่นดินพลานุภาพความคิดกับกลาโหม
หนักแผ่นดินพลานุภาพความคิดกับกลาโหม – ทั้งๆ ที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงกลาโหม เพิ่งแถลงไปเมื่อวันที่ 19 เหตุใดจึงต้องย้อนกลับมาแถลงอีกในวันที่ 20 กุมภาพันธ์
แถลงอย่างยาวเหยียด ทั้งๆ ที่เป็นประเด็นเดียวกัน
หากติดตาม “น้ำเสียง” และ “รายละเอียด” ของคำแถลงก็จำต้องยอมรับว่ามีความจำเป็นต้องนั่งลงและอรรถาธิบายให้เห็นความเป็นจริงให้ปรากฏ
อย่างน้อยก็เป็น “ความเป็นจริง” จากด้านของกระทรวงกลาโหม
ความจำเป็นที่ต้องแถลงเป็นผลและความต่อเนื่องมาจากท่าทีในแบบให้กลับไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” นั่นเอง
หากทำแบบ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ เรื่องก็คงจะจบ
หากมองแต่ในเรื่อง “ปฏิกิริยา” ที่สำแดงออกในแบบ “ปริศนาธรรม” การสำแดงออกโดยการพูดตัดบทว่าให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” เหมือนกับเป็นความคมคาย น่าสนใจ
เพราะเป็นการส่ง “ปริศนา” ให้บรรดานักข่าวนำเอาไปตีความต่อคำถามที่ว่ามีการเสนอตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมลงร้อยละ 10
ประเด็นมิได้อยู่ที่ว่าคมคายหรือไม่ หากอยู่ที่คำว่า “หนักแผ่นดิน”
ไม่ว่าจะมองในแง่ความหมายของคำว่า “หนักแผ่นดิน” ไม่ว่าจะมองในแง่รากฐานความเป็นมาของเพลง “หนักแผ่นดิน”
ล้วนมีโอกาสกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องยาว
เหตุเพราะคำว่า “หนักแผ่นดิน” อันเป็นบทเพลงสัมพันธ์กับ 2 สถานการณ์ใหญ่ในทางการเมือง 1 เป็นสถานการณ์ก่อนรัฐประหารเดือนตุลาคม 2519 และ 1 เป็นสถานการณ์ก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 เป็น “รัฐประหาร” อันตามมากับเพลง “หนักแผ่นดิน”
ปฏิกิริยาอันเนื่องแต่บทเพลง “หนักแผ่นดิน” จึงกว้างขวางและลึกซึ้งทั้งในทางความคิด ทั้งในทางการเมือง โยงยาวไปยังพรรคพลังประชารัฐ ไปยังพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ในที่สุด พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะ “โฆษกกระทรวงกลาโหม” เหมือนกับเป็นแผ่นเสียงตกร่อง
ขณะที่คนเปิดประเด็น “หนักแผ่นดิน” เงียบกริบ หายจ้อย
ถามว่าหลังจาก พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ออกมาแถลงย้ำ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องจะจบลง ม้วนฉากกลับบ้านใครบ้านมันหรือไม่ ตอบได้เลยว่า ยากถึงขั้นยากส์
ที่เห็นๆ ก็คือ มีการแบ่งขั้วระหว่าง พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย กับ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ และพรรคอนาคตใหม่
วาทกรรม “ปฏิรูปกองทัพ” ดังกระหึ่มไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า “หนักแผ่นดิน”
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง