ดีเบต อสมทกรณีฝนตก บ้านน้องฟ้าร้องบ้านพี่
ดีเบต อสมทกรณีฝนตก บ้านน้องฟ้าร้องบ้านพี่ : ตอนที่ “บอร์ด อสมท” โดย พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ลงมติให้กรรมการผู้อำนวยการอสมท ย้าย นางอรวรรณ ชูดี ออกจากผู้ร่วมดำเนินรายการ “ดีเบต” เลือกตั้ง
บอร์ด อสมท อยู่ในฐานะ “โจทก์”
แต่พลันที่มติและคำสั่งมีผลในการทำให้ นางอรวรรณ ชูดี พ้นจากผู้ร่วมคิดและดำเนินรายการและข่าวนี้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง
สถานะของบอร์ด อสมท ก็ค่อยๆ เคลื่อนไปอยู่ในฐานะ “จำเลย”
ยิ่งเมื่อสังคมให้ความสนใจและย้อนกลับไปศึกษารายละเอียดจากที่มีการออกอากาศ ความแจ่มชัดยิ่งยังเกิดว่าใครเป็นจำเลย ใครเป็นโจทก์
หากเป็นในยุคเมื่อ 10 กว่าปีก่อน กรณีการจัดการกับ นางอรวรรณ ชูดี ก็เสมอเป็นเพียง “ความลับ” เหมือนๆ กับที่กสทช.จะจัดการกับ “วอยซ์ ทีวี”
5 ปีที่ผ่านมา สังคมก็อุดๆ อู้ๆ เช่นนั้น
แต่พลันที่มีการประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พลันที่กระบวนการของ “การเลือกตั้ง” ได้เริ่มนับ 1 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นมา
สภาพการณ์ทางสังคมก็เริ่มคลี่คลาย
แสงแห่ง “ประชาธิปไตย” เริ่มสาดฉายเข้าไปในความมืดมิด เห็นได้จากการที่วอยซ์ทีวีกล้าร้องต่อศาลปกครอง เห็นได้จากการที่แม้ นางอรวรรณ ชูดี จะยอมรับต่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
แต่สังคมก็สามารถ “ตรวจสอบ” และมี “ปฏิกิริยา”
มีเสียงปฏิเสธไม่ว่าจะจากคสช. ไม่ว่าจะจากรัฐบาล ไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐ ในทำนองว่าเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของอสมท
ไม่เกี่ยวกับคสช. ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งปัดป้องปฏิเสธ คนก็ยิ่งไม่เชื่อ ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ข้อมูล “ภายใน” ของอสมท เริ่มได้รับการขุดค้นและทยอยออกมา
บทบาทของ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เริ่มเป็นที่รับรู้
เป็นบทบาทที่มากับรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นบทบาทที่มาพร้อมกับคสช.และเป็นบทบาทที่มาพร้อมกับรัฐบาล
ในโลกยุคออนไลน์ การใช้อำนาจเริ่มมิได้เป็นเรื่องเฉพาะส่วน ยิ่งบรรยากาศแห่งการเลือกตั้ง บรรยากาศแห่งความตื่นตัวมีมากเพียงใด
บทบาทของ “รัฐประหาร” ยิ่งได้รับความสนใจ เฝ้ามอง
ถามว่าเรื่องเหล่านี้เกี่ยวกับคสช. เกี่ยวกับรัฐบาลหรือไม่ สังคมมีคำตอบและคำตอบเหล่านั้นก็เริ่มได้รับการแผ่แบออกมา
สะเทือนถึงพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ คำตอบอยู่ที่วันที่ 24 มีนาคม
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง