ผลพวงการเมืองจากเพื่อไทยอนาคตใหม่ต่อประยุทธ์คสช.
ผลพวงการเมืองจากเพื่อไทยอนาคตใหม่ต่อประยุทธ์คสช. : แล้วเงาร่างของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ก็ค่อยๆ จางจากหายไปจากเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์ระหว่างพรรคการเมือง
หายไปเหมือนเงาร่างของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์
มีความเป็นไปได้ว่าในที่สุดก็จะไม่ได้ยินเสียง นายอุตตม สาวนายน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เช่นเดียวกัน
ไม่ต้องถามถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ เดินหน้ารุก พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคประชาชนปฏิรูปก็ต้องถอย
บทสรุปอย่างนี้ไม่สามารถสัมผัสได้อย่างเด็ดขาดก่อนประกาศและบังคับใช้พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ในวันที่ 11 ธันวาคม 2561
เพราะตอนนั้นเราเห็นแต่ความคึกคักและมั่นใจ
เป็นความมั่นใจจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นความมั่นใจจาก นายอุตตม สาวนายน เป็นความมั่นใจจาก นายไพบูลย์ นิติตะวัน
มั่นใจเพราะว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อ พวกเรา”
แต่เมื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งมีการขับเคลื่อนจาก นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีการขับเคลื่อนจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็กลายเป็นหนังคนละม้วน
แม้จะหน้าใหม่อย่างยิ่ง ละอ่อนอย่างยิ่ง แต่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ประจันกับ นายอุตตม สาวนายน อย่างทระนง องอาจ
ประกาศต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.
ประกาศความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อย่างชนิดยกเครื่องและเดินหน้าล้มล้างผลพวงของการรัฐประหาร
ยุติมิให้ “ทหาร” ก่อการรัฐประหารได้อีก
เมื่อประสานกับฐานเสียงอันแข็งแกร่งที่พรรคเพื่อไทยมีอยู่ น้ำหนักของพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ จึงก่อให้เกิดพลัง
พลังจากพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ นี้เองที่ไม่เพียงแต่จะทำให้คนของพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูปค่อยๆ หมดบทบาท
หากแต่ยังส่งผลสะเทือนไปยังพรรคการเมืองอื่น
เห็นได้จากการออกมาประกาศของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ด้วยน้ำเสียงใกล้เคียงกับของพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่
นั่นเท่ากับชี้ให้เห็นการแยกและแตกตัวออกมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
