บาทก้าว สำคัญ ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต่อ “ทรัพย์สิน”
เห็นอาการของหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ต่อคำประกาศ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลงนามมอบทรัพย์สินจำนวน 5,000 ล้านบาทให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บริหารแทนแล้ว
รู้เลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ประเมินพรรคอนาคตใหม่อย่างไร
เหมือนกับว่า “ปฏิกิริยา” ต่อพรรคอนาคตใหม่โดยเฉพาะต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของบรรดาลุงๆ ป้าๆ ด้านหลักจะมาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมาจากกปปส.
แต่ในที่สุดแล้วก็สัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นลักษณะที่มิอาจยอมรับได้ต่อการเติบใหญ่ พัฒนาของพรรคอนาคตใหม่อันมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นตัวแทน
การตัดสินใจของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มิได้เป็นเรื่องใหม่อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ก็เคยมีนักการเมืองที่มีรากฐานเป็น “นักธุรกิจ” เคยทำมาแล้ว
แล้วทำไมการตัดสินใจของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงเป็นปัญหา
เป็นปัญหากระทั่งหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อได้เลยว่าบรรดาลุงๆ ป้าๆ ที่เคยเขม่นจะต้องออกโรงประสานเสียงกันอย่างคึกคัก
เพราะการตัดสินใจนี้กำลังสร้างความต่างอย่างมีนัยสำคัญ
เป้าหมายของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มิใช่เพื่อเคลียร์พื้นที่ ทางการเมืองของตนและพรรคอนาคตใหม่ หากที่สำคัญคือการเคลียร์พื้นที่ให้กับ “นักธุรกิจ” คนอื่นๆ ที่คิดจะเข้ามาบนเส้นทางสายนี้
ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ในโค้งสุดท้ายก็อีหรอบเดียวกับท่าทีของพรรครวมพลังประชาชาติไทย นั่นก็คือ ด้านหลักอาจถือเอาการต่อต้าน “ระบอบทักษิณ”
แต่เพื่อความสะดวกก็รวบเอาพรรคอนาคตใหม่เข้ามาผนวกรวมอยู่ด้วย
ปฏิบัติการของพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมพลังประชาชาติไทย จึงพุ่งปลายหอกไปยังพรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่
ผลก็คือ 2 พรรคนี้กลายเป็นพรรคร่วมชะตากรรมเดียวกัน
พรรคเพื่อไทยอาจเจ็บปวดมาตั้งแต่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน แต่กล่าวสำหรับพรรคอนาคตใหม่นี่ย่อมเป็นการต้อนรับน้องใหม่
แรกที่มีการเสนอลักษณะการต่อสู้ระหว่างจะเอาคสช. จะเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือจะไม่เอาคสช. จะไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยอุปมาคสช.เป็นเผด็จการ โดยอุปมาฝ่ายไม่เอาเป็นประชาธิปไตย
มีเสียงแย้งว่าไม่ควรจะใช้คำขวัญหรือสโลแกนแบบนั้น แต่เมื่อเห็นลักษณะอันแข็งขันของพรรคประชาธิปัตย์ต่อพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ผู้คนก็เริ่มมองออก
มองออกว่าเป้าหมายแท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์คืออะไร