โรคทาง การเมือง เนื่องแต่ เลือกตั้ง 24 มี.ค. อาการ ของ กกต.

 

โรคทาง การเมือง – แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 1 มากถึง 137 ส.ส. แม้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะได้รับเลือกมา เป็นอันดับ 3 มากถึงกว่า 80 คน

แต่ถ้าดูจาก 1 พื้นฐานของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ

และ 1 กระแสคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าจากกระบวนการบริหารจัดการของกกต. ประสานเข้ากับปริมาณของคดีความที่พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่จะประสบ

โอกาสที่พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลก็น้อยมาก

ขณะเดียวกัน หากมองจากสภาวะและความได้เปรียบจากทางด้านของพรรคพลังประชารัฐก็มิได้ ชี้ว่าโอกาสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

ความแจ่มชัดหนึ่งนอกเหนือจากที่พรรคพลังประชารัฐจะมีจำนวน ส.ส.อยู่ในมือมากกว่า 100 ก็คือความโน้มเอียงอันมาจากพรรคภูมิใจไทย ความโน้มเอียงอันมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา

ขณะที่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็แตกออกเป็น 2 แนวทาง

ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐจะแผ่พลานุภาพอย่างไร ปริมาณ อันได้มาจากพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย รวมกับงูเห่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ยัง ก้ำๆ กึ่งๆ

แม้จะได้ 250 ส.ว.โถมเข้ามา แต่ก็ในสภาผู้แทนราษฎรก็หวาดเสียว

การโหมจัดระเบียบให้กับพรรคอนาคตใหม่จึงได้เริ่มขึ้น การเข้าไปดูดดึงเอาบางส่วนจากพรรคเพื่อไทยจึงเริ่มแสดงเบาะแสเด่นชัดยิ่งขึ้น

ยิ่งความแจ่มชัดต่อผลการเลือกตั้งถูกลากยาว ยิ่งรายละเอียดอันเนื่องแต่การเลือกตั้งมีการสำแดงออก ยิ่งทำ ให้สายตาที่ทอดมองไปยังกกต.แคลงคลางและกังขา

อาจทำให้ปริมาณทางด้านหนึ่งเพิ่ม บั่นทอนปริมาณอีก ด้านหนึ่ง

เหมือนกับจะเป็นผลดีให้กับปีกทางด้านพรรคพลังประชารัฐ เหมือนกับจะเป็นผลเสียให้กับปีกทางด้านพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่

แต่ก็ยิ่งสร้างความแคลงคลางและกังขาต่อกกต.

เมื่อเกิดความไม่เชื่อมั่น เมื่อเกิดความไม่ไว้วางใจต่อกระบวนการทำงานของกกต.มีหรือที่คสช.และรัฐบาลจะรอดพ้นจากความแคลงคลางและกังขาไปด้วย

สภาพการณ์ที่กำลังบังเกิดต่อสถานะและเกียรติภูมิของ กกต.จึงสะท้อนอาการของ “โรค” ทางการเมืองที่รอการระเบิดออก

เป็นโรคอันมีจุดเริ่มมาตั้งแต่ “รัฐประหาร”

เป็นโรคอันสัมพันธ์กับการจัดวางโครงสร้างของการ เลือกตั้ง เป็นโรคอันสะท้อนให้เห็นประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงานต่อเนื่องมาเกือบ 5 ปี

และปะทุออกผ่านอาการของ “กกต.” อย่างยากจะปัดปฏิเสธได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน