วิกฤตการเมือง ภายในประชาธิปัตย์ ขัดแย้ง แตกแยก
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
วิกฤตการเมืองภายในประชาธิปัตย์ขัดแย้งแตกแยก : ผ่านจากข้อเสนอว่าด้วย “รัฐบาลแห่งชาติ” ไปยังการเปิดข้อมูลว่ามีอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์วางแผนจะแย่งยึดตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่
ก็จะเข้าใจต่อ “ปัญหา” ภายในพรรคประชาธิปัตย์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์เก่งกาจระดับ “เขี้ยวลากดิน” ในการดึงเอาปัญหาภายในพรรคให้กลายเป็นปัญหาระดับชาติได้อย่างไร
ข้อเสนอ “รัฐบาลแห่งชาติ” จึงเสมอเป็นเพียง “ม่านควัน”
แท้จริงแล้ว ปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์อันเนื่องจากการแย่งชิงการนำ การพยายามเข้าไปยึดครองพรรคของแต่ละฝ่ายคือเรื่องจริง
ถามว่าทำไมจึงมีข่าวว่าอาจมี 35 ว่าที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะกลายเป็น “งูเห่า” ยกมือไปในทางเดียวกันกับพรรคพลังประชารัฐ
นั่นคือ ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ข่าวนี้ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ ขณะเดียวกัน เมื่อมองเข้าไปในพรรคประชาธิปัตย์ก็จะสัมผัสได้ถึงส่วนของ 35 ว่าที่ ส.ส.ไม่ยากนัก
ไม่ว่าจะมาจากตรัง ไม่ว่าจะมาจากสงขลา ไม่ว่าจะมาจากชุมพร
อย่าได้แปลกใจหากจะมีข่าวปล่อยออกมาในลักษณะที่ว่า อาจมีการยกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับผู้อาวุโสบางคนของพรรคประชาธิปัตย์
มีการเตะถ่วงการตัดสินใจให้ไปรอภายหลังกกต. รับรองส.ส.ในวันที่ 9 พฤษภาคม แต่อย่าลืมว่า ณ วันนี้คือวันที่ 19 เมษายน เหลืออีกเพียง 20 วันเท่านั้น
เป็น 20 วันแห่งความระทึกของพรรคประชาธิปัตย์
การพยายามชูภาพ นายชวน หลีกภัย ไม่ว่าในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าในตำแหน่งหัวหน้าพรรค คือการดิ้นอย่างสุดแรงของพรรคประชาธิปัตย์
ดิ้นผ่าน “รัฐบาลแห่งชาติ” ผ่าน “ประธานรัฐสภา”
หรือแม้กระทั่งการปูดเรื่องการพยายามจะแย่งยึดพรรคโดยประเคนมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้กับทหารบางกลุ่มไปยึดครอง
คล้ายกับว่าทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นผลสะเทือนอันเนื่องจากการกำหนดยุทธวิธีผิดพลาดในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อาจใช่ แต่ยังมีมากกว่านั้น
ปัญหาทั้งปวงคือผลสะเทือนจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดตั้งแต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 มาแล้วส่งผลให้เข้าไปพัวพันกับกระบวนการรัฐประหาร
ไม่ว่าเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557