วิเคราะห์การเมือง : ก้าวใหม่รัฐบาลรัฐบาลพลังประชารัฐบทเรียน“คสช.”
ก้าวใหม่รัฐบาลรัฐบาลพลังประชารัฐบทเรียน“คสช.” : เมื่อพรรคพลังประชารัฐโดยการหนุนเสริมของพรรครวมพลังประชาชาติไทยประสานเข้ากับพรรคประชาชน ปฏิรูปมากด้วยความมั่นใจ
มั่นใจว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
โดยการเข้ามาร่วมของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย
โดยจะประสานมือกับ 250 ส.ว.
สังคมก็ต้องพร้อมทำใจให้พันธมิตรแห่งพรรคพลังประชารัฐได้ปรากฏขึ้นโดยการหนุนให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
หากเห็นว่า 100 กว่าเสียงของพรรคพลังประชารัฐยังไม่หนักแน่นและจริงจังเพียงพอ ก็จำเป็นต้องเห็นความสำคัญของ 50 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ 30 กว่าเสียงของพรรคภูมิใจไทย
ท่านเหล่านี้ล้วนแต่ “ทรงเกียรติ” ทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน หาก 200 กว่าเสียงที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐอาจก้ำๆ กึ่งๆ เมื่อเทียบ 200 กว่าเสียง ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่และพันธมิตร
แต่ก็อย่าลืมข้อเสนอของพรรคประชาชนปฏิรูป
นั่นก็คือ การขยายกรอบของเจตนารมณ์แห่งบทเฉพาะกาล มาตรา 270 รัฐธรรมนูญให้การปฏิรูปครอบคลุมไปยังร่างพ.ร.บ.งบประมาณโดยให้ 250 ส.ว.ให้ความเห็นชอบด้วย
ท่วงทำนองในแบบของพรรคพลังประชารัฐ ท่วงทำนองในแบบของพรรคประชาชนปฏิรูป มิได้เป็นเรื่องแปลกเลยของการเมืองในห้วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
นี่คือ ท่วงทำนองในแบบของ “คสช.”
ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ การเลื่อนการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า จาก “ปฏิญญาโตเกียว” กระทั่งถึง “ปฏิญญา ทำเนียบขาว”
ในที่สุดจากปี 2558 ก็เลื่อนจนถึงปี 2562
ในเมื่อคสช.ยังสามารถตีหน้ามึนโดยไม่สนใจความรู้สึกของสังคม ทำไมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐจะตีหน้ามึนไปตามข้อเสนอแนะจากพรรคประชาชนปฏิรูปไม่ได้
เมื่อพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่และพันธมิตรไม่สามารถสกัดขัดขวางได้ ก็จำเป็นต้องปล่อยให้พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย บรรเลงต่อไป
เหมือนที่คสช.บรรเลงจากปี 2557 กระทั่งถึงปี 2562
ผลงานเป็นอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ พรรค ภูมิใจไทยก็รู้ พรรคชาติไทยพัฒนาก็รู้ พรรคชาติพัฒนาก็รู้
เมื่อรู้แล้วยังเข้าร่วมอีกก็ต้องรอดู “ผลงาน” ว่าจะพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่