วิเคราะห์การเมือง : ข้อเสนอ ต่อรอง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย เจรจา กับ “คสช.”
ข้อเสนอต่อรองประชาธิปัตย์ภูมิใจไทย – พลันที่มีการเสนอความต้องการกระทรวงมหาดไทยจากพรรคประชาธิปัตย์ พลันที่มีการเสนอความต้องการกระทรวงคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทย
ก็สัมผัสได้ในความหงุดหงิด
เป็นความหงุดหงิดจากคสช. เพราะว่ากระทรวงมหาดไทยได้จองเอาไว้สำหรับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่ใหญ่คนหนึ่งแห่ง “บูรพาพยัคฆ์”
ยิ่งกระทรวงคมนาคม ยิ่งยากที่จะคาย
ไม่เพียงแต่เห็นว่าเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็นเศรษฐกิจอันแนบแน่นอย่างเป็นพิเศษกับความมั่นคง
ข้อเสนออันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย จึงไม่เพียงแต่ล้วงเข้าไปในกล่องดวงใจของคสช. หากแต่ยังทะลวงเข้าไปในพรรคพลังประชารัฐอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
กล่องดวงใจของคสช. ย่อมเป็นกระทรวงมหาดไทย
ขณะเดียวกัน ถามว่าหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นใคร รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และโฆษกพรรคเป็นใครและมีความเป็นมาอย่างไร
ที่เรียกว่า “4 ยอดกุมาร” นั้นมิใช่เพราะโชคช่วย
หากกระทรวงคมนาคมถูกแย่งยื้อไป หากกระทรวงพาณิชย์ถูกแย่งยื้อไป หากกระทรวงพลังงานถูกแย่งยื้อไป สมญา “4 ยอดกุมาร” จะเหลืออะไรติดปลายนวม
บทสรุปอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ประสานเข้ากับพรรคภูมิใจไทยจึงอ่านได้ในเบื้องต้นว่าเป็นข้อเสนอที่ต้องการให้มีการปฏิเสธ
เพราะว่า 2 พรรคนี้ได้มีข้อต่อรองอีกหลายก๊อก
อย่าลืมการเคลื่อนไหวของ นายเทพไท เสนพงศ์ ที่เริ่มจากแตะลูกว่าด้วย “รัฐบาลแห่งชาติ” ก่อนลงเอยไปยังคำว่า “รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ”
ทั้งหมดล้วนตัดชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป
ภายในม่านควันแห่งข้อเสนอ ภายในกระบวนการโอบกอดอย่างชื่นมื่น ณ ร้านอาหารทีเฮาส์ อย่ามองข้ามชื่อของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นอันขาด
ที่ซุนวูเคยสรุปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนว่า “การศึกมิหน่ายเล่ห์” สามารถสะท้อนความเป็นจริงของการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมได้เป็นอย่างดี
อำนาจมิได้อยู่ในมือของ “คสช.” อีกแล้ว
หรือถึงจะได้ชื่อว่ามีอยู่ แต่ก็ไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะมองผ่านเข้าไปใน 250 ส.ว. ไม่ว่าจะมองผ่านเข้าไปใน 500 ส.ส.
ตรงนี้เองที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย กล้าต่อรอง