คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

อำนาจแท้จริง อำนาจพลังประชารัฐ อยู่ในมือใคร

อำนาจแท้จริง อำนาจพลังประชารัฐ อยู่ในมือใคร – คําประกาศชัดถ้อยชัดคำจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ว่าจะไม่ยอมให้ 250 ส.ว. มีอำนาจเหนือกว่า 500 ส.ส.เป็นอันขาด

ถือว่าเป็น “ท่ายาก” อย่างยิ่งทางการเมืองอยู่แล้ว

คำประกาศชัดถ้อยชัดคำจากพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป็นเงื่อนไข 1 และเงื่อนไขสำคัญในการร่วมรัฐบาล

ยิ่งเป็นท่าที่แม้กระทั่งกายกรรมจาก “กวางเจา” ก็ ต้องสั่นหัว

ความยากลำบากมิได้หมายความว่าพรรคพลังประชารัฐจะหา 251 มาจากไหน หากยังอยู่ที่ว่าจะสามารถเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่

พลันที่ภายในพรรคพลังประชารัฐอึดอัดที่ไม่สามารถยอมคายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ กระทั่งไม่อาจให้ “คำตอบ” ได้

ปฏิกิริยาโต้กลับก็กระหึ่มจากพรรคประชาธิปัตย์

ไม่เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์จะหมายปองกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานเข้ากับกระทรวงพาณิชย์ หากพรรคภูมิใจไทยก็มาดหมายกระทรวงคมนาคม

เมื่อพรรคพลังประชารัฐไม่สามารถยืนยัน

ปัญหาจากความเห็นต่างในเรื่องการบริหารกระทรวงก็ลามไปยังเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ลามไปเรื่องรัฐบาล “เสียงข้างน้อย” กลายเป็นปัญหาหลักการขึ้นมาโดยพลัน

ปมเงื่อนมิได้อยู่ที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ต้องการจะเข้าร่วมเป็นรัฐบาลหรือไม่ หากแต่อยู่ที่ว่าเมื่อเข้าร่วมแล้วจะ “ได้” อะไรมากกว่า

ภายใน “รายรับ” จึงต้องมี “รายจ่าย”

ความยากลำบากมิได้อยู่ที่ว่าพรรคพลังประชารัฐคิดอย่างไรกับแต่ละข้อเสนอ หากอยู่ที่ว่าพรรคพลังประชารัฐตอบไม่ได้มากกว่า

เพราะ “รับ” มาแล้วก็ต้องนำกลับไป “ถาม”

จำเพาะถามพวกกันเองภายในพรรคพลังประชารัฐก็ยุ่งยิ่งกว่าฝอยขัดหม้ออยู่แล้ว นี่ยังต้องถามเจ้าของพรรค คนที่กุมอำนาจอย่างแท้จริงอยู่ในพรรคอีกด้วย

จากนี้จึงเด่นชัดยิ่งว่า ที่เคยเรียกว่า “4 ยอดกุมาร” ก็แทบไม่ได้มีฤทธิ์มีเดชอะไรเลย เสมอเป็นเพียง “นอมินี” เดินออกจากทำเนียบรัฐบาลเข้ามาตาม “ใบสั่ง”

ถามว่าอำนาจอยู่กับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคจริงหรือ

ในที่สุด ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ก็มองข้ามหัวหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

เพราะคำตอบอยู่ที่ “นายใหญ่” ใน “คสช.” มากกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน