วิเคราะห์การเมือง : อารมณ์ สังคมสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติปรอทการเมือง
อารมณ์ สังคมสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ปรอทการเมือง : พลันที่ประโยค “งดออกเสียง” ดังมาจากปาก นาย สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย อาการนะจังงังก็บังเกิดขึ้นในที่ประชุมรัฐสภา
ไม่เพียงแต่คะแนนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะลด
หากแต่ภายในจำนวนที่ลดจาก 501 มายืนระยะอยู่ที่ 500 เมื่อมีการนับในภายหลังได้ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งในทางการเมือง
เพราะคำว่า 500 เป็นคำที่ส่อความหมายในเชิง “ลบ”
กระนั้น ในอีกด้านการยืนขึ้นและเปล่งประโยค “งดออกเสียง” ชัดถ้อยชัดคำ ยังทำให้ภาพลักษณ์ทางการเมืองของ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โดดเด่นขึ้นมากะทันหัน
การให้เหตุผลของ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ในภายหลังว่าที่จำเป็นต้อง “งดออกเสียง” เพราะก่อนวันที่ 24 มีนาคม เขาหาเสียงและยืนยันกับประชาชนว่า
1 สนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี
1 ประชาชนในพื้นที่เลือกเขามาบนพื้นฐานความเชื่อจากคำมั่นสัญญาเช่นนี้จึงมีความจำเป็นต้องทำตามความต้องการของประชาชน
ตรงไปตรงมาตามแบบของ “ไทบ้าน” ครบถ้วน
อย่าได้แปลกใจที่บทบาทของ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กลับได้รับการยกย่องจากสังคมเป็นอย่างสูงเมื่อเทียบกับการตัดสินใจของบางคน บางพรรคในวันเดียวกัน
ช่วงเช้าของวันที่ 5 มิถุนายน การประกาศลาออกพร้อมกับคำแถลงยาวเหยียดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สร้างความฮือฮาเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
เพราะเท่ากับเป็นการสวนกับมติของพรรคประชาธิปัตย์
ขณะเดียวกัน การลาออกจากส.ส.ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นเพราะความชัดเจนของเขากับมติพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 5 มิถุนายนไม่ตรงกัน
การลาออกจึงเหมาะสมกับทิศทางทางการเมือง
กระนั้น เมื่อประสบเข้ากับการเปล่ง “งดออกเสียง” ของ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สายตาที่ทอดมองไปยังพรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงแปลกแปร่ง
เพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศลาออกจากส.ส. ความสนใจของสังคมก็ค่อยๆ หายไปอย่างเงียบๆ
และหายไปเลยเมื่อได้ยินประโยค “งดออกเสียง”
สายตาที่ทอดมองไปยังการตัดสินใจของ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กลับกลายเป็นกระแสและเสียงฮือฮาเป็นอย่างสูงในความกล้าหาญ
ปรากฏการณ์นี้เท่ากับเป็นปรอทวัดความรู้สึกของสังคมได้อย่างเด่นชัด
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง