ซีรีส์จากพัทยา กรณี สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ไม่น่าจะจบเร็ว

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ซีรีส์จากพัทยา – การเกิดขึ้นของคดีบุกเข้าไปในที่ประชุมอาเซียนเมื่อปี 2552 อันมี สภ.เมืองพัทยา โดยการฟ้องร้อง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นจำเลยที่ 1

ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่แล้ว

เพราะ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มิได้อยู่ในที่เกิดเหตุ หากแต่อยู่ในการชุมนุมที่สะพานชมัยมรุเชฐ บริเวณทำเนียบรัฐบาล

แต่ก็มีการแจ้งความกล่าวโทษในฐานะ “ผู้บงการ”

คดียิ่งน่าตื่นเต้นระทึกใจเพิ่มขึ้นอีกเมื่อมีการเพิ่มรายชื่อจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นอีก 4-5 คน โดยรวม นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เข้าไปด้วยเพราะก็มิได้อยู่ในที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน

แรกที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ดำเนินการสอบสวนสืบสวน ไม่ว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ว่า นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน

นั่นก็คือ รู้สึกว่าไม่ “แฟร์” เหมือนกัน

อาจกล่าวได้ว่าก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ทั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นอนเตียงเดียวกัน

นั่นก็คือ เตียงในฐานะ “ผู้ถูกกล่าวหา”

แต่ภายหลังจากการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มสามมิตร” ในเดือนเมษายน 2561 เป็นต้น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ก็แยกจากสถานะเดียวกันกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ยิ่งเมื่อเกิดพรรคพลังประชารัฐ และ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้มีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ

เขาก็พูดคนละน้ำเสียงกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ความเลวร้ายของพรรคเพื่อไทยเริ่มออกจากปาก ความเลวร้ายที่แกนนำนปช. มีส่วนทำให้เกิดขึ้นเริ่มออกจากปาก นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

ท่าทีของเจ้าหน้าที่ต่อ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ก็ต่างไปด้วย

อย่าได้แปลกใจหากในที่สุดแล้วก็มีแต่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เท่านั้นที่ตกเป็นจำเลย ขณะที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รอดพ้นไปจากคดีราวกับเป็น “ปาฏิหาริย์”

พลันที่คดีบุกที่ประชุมอาเซียนเมื่อปี 2552 ลงเอยด้วย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รอดพ้น ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ตกเป็นจำเลยอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ปาฏิหาริย์ที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ได้มาจึงถูกเฝ้ามอง

ความหงุดหงิดของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สามารถสัมผัสได้ ความหงุดหงิดของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ต่ออาการ “เต้น” ของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็เข้าใจได้

ซีรีส์เรื่องนี้จึงไม่น่าจะจบลงอย่างง่ายดาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน