การเมือง ท้องถิ่น บาทก้าว ของ อนาคตใหม่ แหลมคม ท้าทาย
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
วิเคราะห์การเมือง : คําประกาศลงชิงตำแหน่งนายกอบจ.ไม่ว่าจะที่สงขลา ไม่ว่าจะที่เชียงใหม่ ไม่ว่าจะที่นครราชสีมา ไม่ว่าจะที่ปทุมธานี เกิดจากสถานการณ์อะไร
ตอบได้เลยว่าจากการรุกของ “อนาคตใหม่”
นั่นก็คือ การประกาศก้าวที่ 2 ต่อจากการเลือกตั้งระดับชาติ มุ่งไปยังการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะมาจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะมาจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล
เท่ากับเป็นการนำร่องในทาง “ความคิด”
ผลก็คือ เกิดการขยับตัวของพรรคประชาธิปัตย์ เกิดการขยับตัวของพรรคพลังประชารัฐ และ เกิดการขยับตัวของพรรคเพื่อไทย
ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในอดีตเป็นเรื่องที่ดำเนินไปอย่างอิสระ แม้จะมีความสัมพันธ์กับพรรคการเมือง แต่ก็มิได้ดำเนินการในแบบพรรค
อย่างเช่น นายนิพนธ์ บุญญามณี ก็ลงส่วนตัว
อย่างเช่น นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ก็มิได้ลงในนามพรรค อย่างเช่น นายวิทยา คุณปลื้ม ก็กระทำภายใต้ กลุ่มพลังชล
เรียกว่ามาจาก “พรรค” แต่ไม่ระบุว่าเป็น “พรรค”
พลันที่พรรคอนาคตใหม่ประกาศจะลุยเข้าไปยังการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นโดยเริ่มที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั่นแหละที่ก่อให้เกิดอาการกระเพื่อมอย่างกว้างขวาง
เด่นชัดว่าแม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่แต่พรรค อนาคตใหม่ก็สร้างผลสะเทือนในทางความคิดและในทางการเมืองได้เป็นอย่างสูง
ทั้งการเมืองระดับชาติ ทั้งการเมืองระดับท้องถิ่น
ต้องรอดูกำหนดของพรรคอนาคตใหม่ที่ประกาศรับสมัครตัวบุคคลที่จะลงการเมืองท้องถิ่นระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 สิงหาคมว่าผลจะออกมาอย่างไร
เพราะเป็นการคัดโดยใช้ระบบ “ไพรมารี โหวต”
ขณะเดียวกัน ก็เป็นการคัดโดยกำหนดให้มีการสมัครในรูปของทีม มิได้เป็นเรื่องเดี่ยวๆ อย่างเอกเทศ นั่นก็หมายถึงต้องมีแผนจะพัฒนาจังหวัดอย่างไร
สังคมรับรู้ว่าการเมืองท้องถิ่นเป็นการเมืองอันสะท้อนลักษณะครอบครัว อย่างที่เรียกกันว่าเป็นการเมืองอันสะท้อนอำนาจและอิทธิพลของ “บ้านใหญ่”
การเข้าไปสู่ท้องถิ่นย่อมปะทะกับบ้านใหญ่แน่นอน
เป็นการปะทะโดยที่พรรคอนาคตใหม่ไม่มีฐานเสียง มาก่อน เป็นการปะทะโดยที่พรรคอนาคตใหม่ไม่มี หัวคะแนนมาก่อน และยืนยันที่จะไม่ใช้เงินในการซื้อคะแนนเสียง
ถามว่าพรรคอนาคตใหม่จะแจ้งเกิดได้หรือไม่ จึงสำคัญ